วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ระวัง...กับดักความอ้วนในเครื่องดื่ม




เพราะทุกแคลอรีมีความหมายในการลดน้ำหนัก การมองข้ามแคลอรีที่แฝงอยู่ในเครื่องดื่มแก้วโปรด จึงเป็นหลุมพรางใหญ่ที่ผู้หญิงหลายคนทำพลาด

กฎข้อแรกของคนควบคุมน้ำหนัก ต้องเลือกทานอาหารแคลอรีต่ำ แต่ให้คุณค่าทางอาหารและวิตามินแร่ธาตุสูง รวมทั้งต้องดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำแร่เยอะๆ และห้ามดื่มอะไรที่มีแคลอรีแฝง เพราะเมื่อใดที่ร่างกายเริ่มได้แคลอรีจากของเหลว โอกาสที่จะคุมน้ำหนักไม่อยู่มีสูงมาก


ที่สำคัญอีกประการก็คือ เครื่องดื่มแฝงแคลอรีมักให้พลังงานอย่างรวดเร็ว หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ มีค่าดัชนีไกลซีมิกสูง (Glycemic Index ดัชนีในการปลดปล่อยหรือเพิ่มระดับกลูโคสในเลือด ถ้าสูงก็เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดเร็ว) ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อสุขภาพนัก การกินอาหารที่ให้แคลอรีต่อเนื่องอย่างช้าๆ จะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงกลับไปกลับมา อันจะเอื้อผลดีต่อสุขภาพ และช่วยให้ผู้ควบคุมน้ำหนักสามารถควบคุมปริมาณแคลอรีที่รับประทานได้ดีกว่า


แอลกอฮอล์ ผู้หญิงสามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้วันละ 0.5-1 แก้ว ส่วนผู้ชายวันละ 1-2 แก้ว นี่คือ ปริมาณการดื่มที่จะช่วยชะลอภาวะชราของหลอดเลือด เพราะแอลกอฮอล์จะช่วยลดอัตราที่เกล็ดเลือดจะเกาะติดกันให้ช้ากว่าปกติ แต่ผู้ดื่มจะได้ประโยชน์ดังกล่าวจากแอลกอฮอล์ต้องอยู่ในวัยที่มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจสูงขึ้น ซึ่งเป็นช่วยที่ผู้หญิงเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนและผู้ชายหลังอายุ 35 ปี

น้ำมะเขือเทศ น้ำผลไม้มักมีการแยกกากและปอกเปลือก จึงเหลือแต่น้ำตาล และขาดคุณค่าทางอาหารซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในเปลือก การกินผักและผลไม้สดทั้งผลจะให้คุณค่าผิดกันเยอะ ยกเว้นก็แต่น้ำส้มและน้ำมะเขือเทศ ซึ่งแม้แคลอรีจะสูง แต่ก็มีโฟลิก แอซิดและวิตามินซีสูง ยิ่งมะเขือเทศควรกินทั้งน้ำทั้งเปลือกทุกวันจะช่วยให้ผู้หญิงอ่อนเยาว์กว่าอายุจริง 0.8 ปี

กาแฟ การดื่มกาแฟจะช่วยกระตุ้นระดับอินซูลินให้แปรปรวน นักโภชนาการกลุ่มหนึ่งจึงไม่แนะนำให้ดื่ม แต่ผลการวิจัยล่าสุดของออสเตรเลียพิสูจน์ว่า กาเฟอืน 94 มิลลิกรัม ในกาแฟหนึ่งแก้วจะช่วยให้ประสิทธภาพทางกีฬาสูงขึ้น 3% ทั้งยังมีการเผาผลาญไขมันมากขึ้น กาเฟอืนกระตุ้นให้กล้ามเนื้อใช้ไขมันเป็นพลังงานร่วมกับน้ำตาลจากคาร์โบไฮเดรต ช่วยให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น ผู้ที่ควบคุมน้ำหนักฟังแล้วสุดแฮปปี้



ดื่มนมมากเกินไป ร่างกายขับออก




ดื่มนมมากเกิน ร่างกายขับออกไม่ดีต่อกระดูก

ศ.เกียรติคุณ น.พ.เสก อักษรานุเคราะห์ ประธานมูลนิธิโรคกระดูกพรุน กล่าวว่า โรคกระดูกพรุนเป็นภัยเงียบที่พบมากในผู้สูงอายุ และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะผู้สูงอายุในไทยเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับการรับรู้ข้อมูลข่าวสารไม่เพียงพอ โดยเฉพาะข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดื่มนม เพื่อป้องกันภาวะกระดูกพรุน


แม้ว่าแคลเซียมในนมจะมีประสิทธิภาพสูง ในการยับยั้งการสลายตัวของมวลกระดูก แต่การดื่มนมเพื่อยับยั้งการสลายกระดูก จะต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม


"แคลเซียมจากนมต้องได้มาจากการดื่มนมไม่เกิน 500 มิลลิลิตรต่อวัน ซึ่งจะได้ปริมาณแคลเซียม 500 มิลลิกรัม เพราะในน้ำนมประกอบด้วยแคลเซียม 3 ส่วนและฟอสฟอรัส 2 ส่วน หากดื่มนมมากกว่า 500 มิลลิลิตร ร่างกายก็จะได้รับปริมาณฟอสฟอรัสมากเกินจำเป็น ซึ่งจะกระตุ้นต่อมพาราไทรอยด์ให้หลั่งฮอร์โมนออกมาสลายกระดูก จนเป็นเหตุให้มวลหรือเนื้อกระดูกบางลง" ประธานมูลนิธิโรคกระดูกพรุน กล่าว


อย่างไรก็ตาม ความต้องการแคลเซียมในแต่ละช่วงอายุจะแตกต่างกัน โดยเฉลี่ยต่อวันเด็กควรได้รับ 600 มิลลิกรัม วัยรุ่น 1,000-1,500 มิลลิกรัม วัยผู้ใหญ่ 800-1,000 มิลลิกรัม ขณะที่หญิงมีครรภ์ต้องการ 1,500 มิลลิกรัม และผู้ใหญ่วัยทอง 1,500-2,000 มิลลิกรัม


"เมื่อร่างกายสามารถรับแคลเซียมจากนมได้เพียง 500 มิลลิกรัมต่อวัน ปริมาณแคลเซียมที่ยังขาดไปนั้น สามารถหาทดแทนได้จากอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น ปลาเล็กปลาน้อย ปลาป่น กุ้งแห้ง กะปิ และปลาร้าสุก เป็นต้น รวมทั้งการออกกำลังกายกลางแจ้ง เพื่อรับวิตามินดีจากแสงแดด ซึ่งจะสังเคราะห์กลายเป็นแคลเซียม และออกกำลังกายที่เน้นเพิ่มมวลกระดูก งดเครื่องดื่มกาเฟอีนและแอลกอฮอล์" ศ.เกียรติคุณ น.พ.เสก แนะนำ


ส่วนผู้ที่ไม่สามารถดื่มนม ก็จำเป็นต้องหาแคลเซียมเสริมในรูปแบบอื่นทดแทน แคลเซียมในรูปแบบเคี้ยวดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีสุด โดยต้องเคี้ยวให้ละเอียดไปพร้อมกับอาหาร เพื่อให้น้ำย่อยได้ละลายแคลเซียมมากที่สุด

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เสี่ยงโรคความดันสูง



เตือนกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบ่อยเสี่ยงโรคความดันสูง
จากการศึกษาของสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าส่วนประกอบของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่วนใหญ่ร้อยละ 60 - 70 เป็นแป้งสาลี รองลงมาเป็นไขมันในเครื่องปรุง ร้อยละ 15 - 20 ที่เหลือร้อยละ 5 - 6 เป็นเกลือและผงชูรส ซึ่งจัดเป็นเกลือโซเดียมอยู่ในเครื่องปรุง โดยหากกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่า 1 ซองหรือ 1 ถ้วยต่อวัน จะทำให้ร่างกายได้ปริมาณโซเดียมเกินความต้องการของร่างกายต่อวัน ร้อยละ 50 - 100 ซึ่งจะส่งผลต่อระบบการทำงานของไต และเสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันโลหิตสูงได้
ในยุคเร่งรีบรวมทั้งผู้ที่มีรายได้น้อย การกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถ้ากินเป็น กินถูก ก็จะเกิดประโยชน์ได้ โดยก่อนซื้อทุกครั้งต้องอ่านฉลาก ควรเลือกซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่บนฉลากระบุว่าเติมสารไอโอดีน ธาตุเหล็ก และวิตามินเอ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งเสริมให้เติมลงไปในเครื่องปรุง และไม่ควรกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบดิบๆ เพราะเส้นบะหมี่จะพองตัวในกระเพาะเกิดการจุกแน่นท้องได้
และที่สำคัญคือเพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน ควรเติมไข่หรือเนื้อสัตว์ และผักลงไปทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมและไขมันเกิน อาจเติมเครื่องปรุงเพียงครึ่งซองหรือน้อยกว่านั้นก็ได้ ทางที่ดีไม่ควรกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปติดต่อกันเป็นประจำนานๆ ซึ่งถือว่ากินซ้ำซาก จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนหรือได้รับอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไป มีอาหารไทยที่เป็นอาหารจานด่วนและมีสารอาหารครบ 5 หมู่ สามารถกินทดแทนและกินสลับกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เช่น ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ ขนมจีน ข้าวผัด แม้จะแพงกว่าเล็กน้อยแต่เพื่อสุขภาพที่ดีก็ต้องทำ

7 ถนอมเล็บ



วิธีดูแลปกป้องรักษาทะนุถนอมเล็บมี 7 ข้อมาให้คุณๆ ที่รักเล็บมาปฏิบัติกันนะค่ะ
1. อย่าล้างมือบ่อยเกินไป หลังล้างมือแล้ว เช็ดให้แห้ง เป่าลมร้อนช่วยด้วยจะยิ่งทำให้เล็บแห้งได้สนิท ทาโลชั่นที่บำรุงมือและเล็บโดยเฉพาะ (Hand and nail) อย่างสม่ำเสมอ
2. เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการตัดเล็บ ถ้าจำเป็นต้องล้างจาน ซักผ้า ถูบ้าน เพราะเล็บจะมีความอ่อนนุ่ม ทำให้ง่ายต่อการตัดแต่ง แต่ถ้าหากไม่รอหลังอาบน้ำให้แช่เล็บในน้ำอุ่น สัก 5 นาทีก่อนตัดเล็บ
3. พยายามทาสีเล็บให้น้อยลงเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เล็บได้พักผ่อน หลีกเลี่ยงการเพ้นท์สีเล็บที่อาจจะมีสารเคมีทำลายเนื้อเล็บได้ แต่ถ้าอยากจะทำควรเลือกเป็นสีทาเล็บที่มีคุณภาพ และช่วยถนอมเล็บด้วย ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทาเล็บชนิดแห้งเร็วที่มีส่วนผสมของ อะซิโตน (acetone) เพราะจะดึงความชุ่มชื้นไปจากเล็บของเรา ทำให้เล็บแห้งและลอกหลุดได้ง่าย และก่อนการทาเล็บทุกครั้ง ควรใช้น้ำยาเคลือบเล็บชนิดใสทาก่อนที่จะลงสี จะช่วยไม่ให้เล็บเสียความชุ่มชื่น และลดการสัมผัสกับสีทาเล็บโดยตรง ซึ่งอาจทำให้เล็บเหลืองได้ง่าย หลังจากนั้นเคลือบทับด้วยน้ำยาชนิดใสอีกครั้ง ก็จะช่วยให้สีทาเล็บติดทนนานยิ่งขึ้น


4. ควรหลีกเลี่ยงการทำเล็บบ่อยๆ ที่ร้านเสริมสวย เพราะช่างมักจะแคะเล็ม ตัดจมูกเล็บให้เสียหาย และการขูดผิวเล็บเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวทำให้เล็บเงางามขึ้น ผิวเล็บเรียบ และดูมีสุขภาพดีขึ้น โดยใช้อุปกรณ์ขูดลอกหน้าเล็บ ดันจากปลายเล็บเข้าหาโคนเล็บ หลังจากนั้น ใช้แผ่นขัดเล็บ ซึ่งคล้ายกระดาษทราย ขัดหน้าเล็บเบา เพื่อให้ผิวหน้าเล็บเรียบสม่ำเสมอ แล้วใช้แผ่นขัดทำความสะอาดเล็บ ถูเบาๆ เพื่อให้ฝุ่นและเศษเล็บที่มองไม่เห็นหลุดออกไป จากนั้นใช้แผ่นขัดเงาซึ่งมีเจลาตินเคลือบอยู่ ขัดถูบนหน้าเล็บเบาๆ ก็จะได้เล็บที่เงางามดูมีสุขภาพดี การขัดเงาเล็บแต่ละครั้งจะอยู่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์


5. ตัดเล็บให้มีขนาดสั้นพอประมาณ เพราะการไว้เล็บยาวเกินไปอาจทำให้เล็บเกิดฉีกขาดได้ง่ายควรตัดให้มีความโค้งมนไปตามนิ้วมือ ส่วนเล็บเท้านั้น พยายามตัดให้เป็นเส้นตรงมากที่สุดเพื่อลดการสะสมของความสกปรกตามซอกเล็บและโอกาสเกิดเล็บขบ ไม่ควรตัดสั้นจนชิดเนื้อมากเกินไป และไม่ควรใช้วัสดุใดๆ งัดแงะขอบเล็บ จมูกเล็บ เพราะอาจเกิดบาดแผลและการอักเสบได้ และอีกสิ่งที่มาควบคู่กับการตัดเล็บก็คือการตะไบ การตะไบเล็บให้สวย ถ้าหากใช้ตะไบเล็บที่ทำจากเหล็ก ควรตะไบเล็บไปในทิศทางเดียว ไม่ควรถูกลับไปกลับมา เพราะจะทำให้เล็บเป็นเสี้ยนคมหรือฉีก แต่ถ้าใช้ตะไบเล็บที่ทำจากเซรามิคสามารถตะไบสวนทางกันได้ นอกจากนี้ การตะไบเล็บควรตะไบจากขอบเล็บเข้าหาปลายเล็บเสมอ


6. การเปลี่ยนสีเล็บบ่อยๆ มากกว่าหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ทำให้เราต้องล้างเล็บมากขึ้น และน้ำยาล้างทำความสะอาดเล็บนี่เองจะเป็นตัวกัดหน้าเล็บของเราให้กร่อน เป็นหลุมเป็นขุยได้เหมือนกัน นอกจากนี้ควรมีเวลาให้เล็บได้ว่างเว้นจากการทาสี เพราะนอกจากเล็บจะได้พักหรือฟื้นสภาพที่เสียไปแล้ว ยังเป็นโอกาสให้เราได้สังเกตความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเล็บอีกด้วย การต่อเล็บ หรือการตกแต่งประดับเล็บนั้น ควรทำโดยผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ และต้องใช้อุปกรณ์ที่สะอาด และมีคุณภาพ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการแพ้หรือการสะสมของเชื้อโรค หากชื่นชอบการต่อเล็บและตกแต่งเล็บด้วยเครื่องประดับ ต้องหมั่นสังเกตดูว่า เล็บเกิดมีจุดดำ หรือเปลี่ยนสี หรือผิดรูปหรือเปล่า


7. การล้างทำความสะอาดเล็บ ควรล้างมือและเล็บด้วยน้ำสบู่อุ่นๆ ใช้แปรงนุ่มๆ ขัดตามซอกเล็บเบาๆ และล้างออกด้วยน้ำสะอาด ชโลมด้วยครีมบำรุง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับมือและเล็บ

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552








ประโยชน์ของผลไม้


"ผลไม้" ถือเป็นอาหารที่วิเศษอย่างหนึ่ง ขนาดที่สถาบันโภชนาการแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาแนะนำให้กินผัก-ผลไม้ รวมกันในปริมาณวันละครึ่งกิโลกรัม ด้วยเหตุผลที่ว่า "ผัก-ผลไม้" เป็นแหล่งพลังงานที่ช่วย ทำให้สุขภาพแข็งแรง และปราศจากโรคภัยไข้เจ็บนั่นเอง

** ทำความรู้จักผลไม้ ผลไม้เป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ประกอบไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลายอย่าง ได้แก่ แป้งและน้ำตาลที่ให้พลังงาน วิตามิน แร่ธาตุ ที่ช่วยในกระบวนการปฏิกิริยา เคมีของร่างกาย (Metabolism) ใยอาหารช่วย การขับถ่าย ช่วยลดคอเลสเตอรอล และมีสารป้องกันมะเร็ง ผลไม้โดยส่วนมากมีปริมาณไขมันต่ำ บาง ชนิดมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบบ้าง แต่ไม่มาก นัก การกินผลไม้จึงได้คุณค่าสารอาหาร อาทิเช่น การกินมะม่วงดิบ 200 กรัม จะให้พลังงาน 62 กิโลแคลอรี + ใยอาหาร 6 กรัม + โปแตสเซียม + ฟอสฟอรัส + แคลเซียม + วิตามิน C + โปรตีน และไขมันน้อยมาก และแร่ธาตุอื่นๆ


** ประโยชน์ของผลไม้ วิตามินในผลไม้ ถือเป็นตัวช่วยในกระบวน การเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นพลังงาน หากเราขาด วิตามิน ร่างกายจะขาดพลังงานไปด้วยเช่นกัน ทั้งๆ ที่มีน้ำตาลในเซลล์ การขาดวิตามิน ทำให้ร่างกายเกิดอาการเช่นเดียวกับ "ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ" เป็นผลให้ร่างกายเรียกร้องให้กินอาหารเพิ่มขึ้น ทั้งๆ ที่สารอาหารในเซลล์ยังใช้ไม่หมด นอกจากนี้ ในผลไม้ยังมีน้ำตาล ได้แก่น้ำตาลกลูโคส ฟรุกโตส และซูโครส ซึ่งให้ปริมาณพลังงานเช่นเดียวกับน้ำตาลทราย หรือ น้ำตาลแปรรูป (Simple Carbohydrate) โดย 1 กรัมให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี แม้ว่า ผลไม้จะมีรสหวาน แต่ผลไม้มีน้ำอยู่มาก (60-96%) ทำให้น้ำตาลที่มีอยู่เจือจางลงน้ำตาลในผลไม้เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน การย่อยสลายให้เป็นกลูโคส จึงต้องใช้เวลานาน อีกทั้งเส้นใยอาหารยังช่วยชะลอการ ดูดซึมของน้ำตาล ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดมีความสม่ำเสมอ และเกิดพลังงานได้อย่างต่อเนื่อง
สับประรด


สับประรดเป็นพืชล้มลุก อายุหลายปี สูง 90-100 ซม. มีลำต้นใต้ดิน ใบเดี่ยวเรียงสลับซ้อนกันถี่มาก รอบต้นกว้าง 6.5 ซม. ยาวได้ถึง 1 เมตร ไม่มีก้านใบ ดอกออกเป็นช่อขนาดใหญ่ ออกจากกลางต้น มีดอกย่อยจำนวนมาก ผลเป็นผลรวม รูปทรงกระบอก มีตารอบผล มีใบเป็นกระจุกที่ปลายผล


ประโยชน์ต่อสุขภาพรักษาแผลเป็นหนองได้ โดยนำผลสดๆมาคั้นเอาแต่น้ำ ชโลมแผล เอนไซม์จะช่วยย่อยกัดเนื้อเยื่อ และหนองให้หลุด ยังใช้แก้ท้องผูกได้อีกด้วย โดยนำผลสดมาคั้นเอาน้ำ 1 แก้ว อาจผสมกับน้ำสุก 1 แก้ว เติมเกลือเล็กน้อย ดื่มตอนท้องว่าง หรืออาจจะใช้เหง้าสดๆ ประมาณ 200 กรัม หรือแห้ง 100 กรัม ต้มน้ำ 2 แก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้งก่อนอาหาร ครั้งละ 1 ถ้วยชา นอกจากนี้สับประรดยังสามารถแก้ปัสสาวะไม่ออก และช่วยย่อยอาหารได้ดีอีกด้วย

ส้มโอ
ส้มโอมีประโยซน์ตั้งแต่เปลีอกใช้เชื่อมเป็นขนมหวาน เช่นหวัดเพชรบุรี ทำเปลือกส้มโอเชื่อมจนเป็นสินค้าพื้นเมือง ไปขายไกลๆ ส่วนเนื้อที่เปรี้ยวใช้ประกอบกับข้าวยำทางภาคใต้ เนื้อหวานอมเปรี้ยวใช้ทำส้มโอลอยแก้ว ส่วนเนื้อหวานใช้ รับประทานเป็นผลไม้สด


เงาะ
เปลือกผลเงาะนำมาต้มกินน้ำ เป็นยาแก้อักเสบ มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย รักษาอาการอักเสบในช่องปาก และโรคบิดท้องร่วง มีข้อควรระวังอย่าหนึ่งคือเม็ดในของเงาะ มีพิษ แม้ว่าจะเอาไปคั่วจนสุกแล้ว แต่ถ้ากินมากเกินไปจะมีอาการปวดท้อง เวียนศรีษะมีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ดังนั้นเม็ดเราไม่ควรจะรับประทาน
ส้ม


ส้มเขียวหวานที่นิยมปลูกในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์บางมด ผลกลมแป้นเล็กน้อย ก้นผลเรียบถึงเว้าเล็กน้อย ผิวมีสีเขียวอมเหลือง ผิวเรียบสม่ำเสมอ เปลือกบางล่อน ปอกง่าย กลีบแยกออกจากกันง่าย มีประมาณ 11 กลีบ ฝนังกลีบบางมีรกน้อย ฉ่ำน้ำ เนื้อผลสีส้ม รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย

ประโยชน์ต่อสุขภาพแหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรมชาติ การรับประทานส้มโดยไม่คายกากจะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียว นอกจากนี้ หากรู้สึกหิวก่อนเวลา แทนที่จะนึกถึงเค็กก้อนโต หรือโดนัทชิ้นใหญ่ ให้ลองหยิบส้มสักลูกเข้าปากแทนจะได้ประโยชน์มากกว่าในราคาที่ถูกกว่า ผิวส้มมีน้ำมันหอมระเหย วิตามินซี และสารอื่นๆ ใช้เป็นยา ผิวผลใช้สกัดทำทิงเจอร์สำหรับแต่งกลิ่นยา และมีฤทธิ์ขับลม เปลือกส้ม ปรุงเป็นยาหอมแก้ลมวิงเวียน หน้ามืด ตาลาย แก้ลมจุกเสียด แน่นเฟ้อ น้ำจากผล ให้วิตามินซี รับประทานป้องกัน และรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน บำรุงร่างกาย แก้ไอ และขับเสมหะ


มะละกอ
มะละกอเป็นไม้ผลล้มลุกขนาดกลาง ความสูงระหว่าง 5-20 ฟุต ลำต้นอวบน้ำ มะละกอเป็นพืชปลูกง่ายโตเร็ว ให้ผลเร็ว ใฟ้ผลตลอดปี โดยทั่วไปมะละกอเป็นพืชที่ไม่ค่อยมีแมลงรบกวน และปลูกได้ดี่ในดินทั่วไป แต่ต้องเป็นดินที่มีการระบายน้ำได้ดี น้ำไม่ขังแฉะ และมีอินทรีย์วัตถุมากพอสมควร
ประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นไม้ผลที่คนทั่วไปนิยมรับประทาน ผลดิบนำมาปรุงอาหาร และผลสุกรับประทานสด น้ำมีรสหวานหอม มีวิตามินเอ และแคลเซี่ยมสูง มะละกอผลดิบมียาง มีสารเพคติน แคลเซี่ยม วิตามินซี และอื่นๆ ผลสุก มีวิตามินเอสูง วิตามินซี สารเพคติน เหล็ก แคลเซี่ยม และมีสาร Cerotenoid เป็นสารที่ทำให้เนื้อมะละกอสุกมีสีส้ม ต้นมะละกอ ใช้เป็นยาขับประจำเดือน ลดไข้ ดอก ขับปัสสาวะ ราก แก้กลากเกลื้อน ยาง ช่วยกัดแผล รักษาตาปลา หูด ฆ่าพยายธิ

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2552



ประเพณีของไทย
ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ

เป็นประเพณีประจำเมืองนครศรีธรรมราชอีกประเพณีหนึ่ง
ซึ่งจะจัดขึ้นปีละ 2 ครั้งคือในวันมาฆบูชาและวันวิสาขบูชา
โดยชาวนครศรีธรรมราช จะร่วมแรงร่วมใจกันบริจาคทรัพย์สินเงินทองตามกำลัง
ศรัทธา แล้วรวบรวมเงินจำนวนนั้นไปซื้อผ้าเป็นชิ้นๆ ซึ่งมักจะเป็นสีเหลือง สีขาว หรือสีแดง
แล้วนำมาเย็บต่อกันเข้าเป็นแถบยาว

นับเป็นพันๆ หลา จากนั้นก็จะพากันแห่ผ้าดังกล่าวไปยัง วัดพระมหาธาตุมหาวิหาร โดยแห่ทักษิณาวรรตรอบองค์ พระธาตุ 3 รอบ แล้วจึงนำเข้าสู่วิหารพระม้าหรือพระ ทรงม้า ซึ่งเป็นพระวิหารที่มีบันไดขึ้นสู่ภายในกำแพงแก้ว ล้อมฐานพระบรมธาตุ เพื่อนำผ้านั้นไปพันโอบรอบฐาน องค์พระบรมธาตุเจดีย์ ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของ
พระพุทธเจ้าเป็นการถวายสักการะอย่างหนึ่งประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุหรือพระธาตุเมืองนครศรี ธรรมราชนับเป็นประเพณีที่รวบรวมเอาศรัทธาของพุทธศาสนิกชนมาหล่อหลอมแสดงความเป็น เป็นปึกแผ่นในศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างไม่
เสื่อมคลาย








บุญบั้งไฟ

เป็นประเพณีประจำปีของชาวภาคอีสาน ที่สืบเนื่องมาจากพิธีการขอฝนของพญาแถน หรือเทวดา โดยจัดพิธีจุดบั้งไฟเพื่อให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อหลังเทศกาลสงกรานต์ราวเดือน 6 ของทุกปีหากแต่ชาวยโสธรโดยเฉพาะชาวคุ้มบ้านต่างๆ ในเขตอำเภอเมือง ร่วมแรงร่วมใจทำให้ประเพณีบุญบั้งไฟของเมืองยโสธรเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน และเป็นประเพณีที่สำคัญของประเทศ ตำนานของประเพณีบุญบั้งไฟ ประกอบด้วยนิทานปรัมปรา 2 เรื่อง คือ เรื่องท้าว
ผาแดงและนางไอ่และนิทานเรื่องพญาแถนและพญาคันคาก (คางคก) เรื่องพญาแถนนั้น
กล่าวว่า ครั้งหนึ่งพระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นคางคก อาศัยอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ครั้งนั้นพญาแถน
เทพผู้เป็นใหญ่ที่สุดในท้องฟ้า ผู้ดลบันดาลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล เกิดพิโรธทำสงครามกับ
ชาวโลกและบันดาลให้ฝนไม่ตกเลย 7 ปี 7 เดือน ชาวโลกได้รับความเดือดร้อนส่งใครไปรบก็
พ่ายแพ้กลับมากลับมาหมดชาวโลกพากันหนีพญาแถนมาที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่พญาคางคกอาศัย
อยู่ในที่สุดพญาคางคกได้รวมพลังสัตว์โลก ไปรบกับพญาแถน ปลวกได้ก่อจอมปลวกขึ้นไปถึง
สวรรค์ มอดไม้ไปเจาะด้ามอาวุธทหารพญาแถน แมลงป่อง ตะขาบ มดไปกัดไพร่พลพญาแถน
ในที่สุดพญาแถนก็พ่ายแพ้ถูกจับตัวได้ ขอทำสัญญาสงบศึก โดยมีข้อตกลงว่าหากวันใดที่ชาว
โลกยิงบั้งไฟขึ้นไปบนท้องฟ้าจะบันดาลให้ฝนตกลงมาเป็นฤดูฝน หากได้ยินกบเขียดร้องก็จะ
ทราบได้ว่า ฝนตกแล้ว หากชาวโลกเล่นว่าวเมื่อใดก็จะให้ฝนหยุดตกกลายเป็นฤดูหนาว ดังนั้น
สมัยต่อ ๆ มาเมื่อถึงเดือนหกเข้าฤดูทำนา ประชาชนจะจุดบั้งไฟสื่อสารให้พญาแถนทราบว่าถึง
เวลาที่จะบันดาลฝนให้ชาวบ้าน และจะได้เริ่มต้นฤดูการทำนากันได้



"บั้ง" แปลว่า "ไม้กระบอก" บั้งไฟเป็นดอกไม้เพลิง ทำจากกระบอกไม้ไผ่ที่อัดดินปืนเพื่อการจุดระเบิดให้พุ่งขึ้นไปในอากาศเป็นการบวงสรวงพญาแถนโดยมีขนาดที่นิยมอยู่ 3 ขนาดคือ"บั้งไฟธรรมดา"บรรจุดินปืนไม่เกิน 12 กิโลกรัม"บั้งไฟหมื่น"บรรจุดินปืนเกิน 12 กิโลกรัม"บั้งไฟแสน"บรรจุดินปืนถึงขนาด120 กิโลกรัมถ้าบั้งไฟขึ้นสูงก็แปลว่าฝนฟ้า ข้าวปลา อาหารจะอุดมสมบูรณ์ดีก็จะพากันเลี้ยงฉลองรื่นเริงกันในหมู่ผู้ที่ไม่ร่วมงาน ถ้าบั้งไฟแตกหรือไม่ขึ้นก็หมายความว่าฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาลเป็นต้นในวันแรกของเทศกาลหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "วันโฮม" จะมีการนำเอาบั้งไฟออกมาแห่แหน
ตามเมืองกันก่อน จนกระทั่งวันที่ 2 ถึงจะนำบั้งไฟไปจุดกันกลางทุ่งนา โดยเฉพาะที่จุดบั้งไฟ
ต้องทำเป็นพะองพาดขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่สูงประมาณ 30 เมตร แล้วจุดชนวนให้ดินปืนเกิด
การระเบิด ปัจจุบันได้มีการประกวดความสวยงามและความสูงของบั้งไฟที่จุดขึ้นไปบนท้องฟ้า
และหากบั้งไฟอันไหนไม่ยอมพุ่งขึ้นเพราะดินปืนด้านเจ้าของบั้งไฟก็จะถูกจับโยนลงในโคลนตม
กลางทุ่งนาเป็นการทำโทษ ประเพณีการเล่นบั้งไฟที่นิยมกันมากเวลานี้คือยโสธร



พิธีแรกนาขวัญ

หรือ"พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ" เป็นพระราช
ประเพณีสำคัญ ที่ทำเพื่อเสริมสร้างให้เกิดขวัญและกำลังใจแก่เกษตรกรของชาติ "จรด
พระนังคัล" แปลว่า จดไถหรือแรกไถ เป็นประเพณี โบราณที่พระเจ้าแผ่นดินทรงทำพิธี
ไถนาเองส่วนพระมเหสีเลี้ยงไหม เพื่อเป็นตัวอย่างแก่ประชาชน
พระราชพิธีแรกนาขวัญ หรือที่เรียกกันว่า "พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัล
แรกนาขวัญ" พระราช พิธีสองพิธีต่อเนื่องกัน คือ พระราชพิธีพืชมงคลเป็นพิธีสงฆ์ ประกอบ
พิธีในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตตนศาสดาราม ส่วนพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญซึ่ง
เป็นพิธีพราหมณ์ มาเริ่มพิธีสงฆ์ในสมัยรัชกาลที่ 4
ความหมายของพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญก็เพื่อต้องการให้พืช
พันธุ์ธัญญาหารในพระราชอาณาจักรอุดมสมบูรณ์ตลอดฤดูกาลที่ทำการเพาะปลูกในสมัยสุโขทัย
นั้นพระมหากษัตริย์จะเสด็จเป็นองค์ ประธานในพระราชพิธีทุกครั้ง ครั้นถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา
พระมหากษัตริย์ทรงกระทำเหมือนสมัยสุโขทัย แต่จะมอบอาญาสิทธิ์และทรงจำศีลอย่างเงียบๆ
เป็นเวลา 3 วันพอถึงสมัยรัตนโกสินทร์ในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีพิธีสงฆ์เพิ่มขึ้น
สำหรับพระราชพิธีในปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเป็นประธานในพิธี โดยผู้ที่ทำ
หน้าที่พระยาแรกนาก็คือปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่วนเทพีคู่หาบเงินและทองที่ทำหน้าที่
หาบเมล็ดพันธุ์ข้าวให้พระยาแรกนาหว่านในแปลงนาที่ท้องสนามหลวงจะเป็นข้าราชการหญิงใน
กระทรวงเกษตรนั่นเอง
พิธีอย่างย่อๆ ในการแรกนา จะเริ่มด้วยกระบวนพระยาแรกนาในชุดเครื่องสูงจะทำ
พิธีเสี่ยงผ้านุ่ง ถ้าจับได้ผ้ากว้าง มีคำนายว่าน้ำจะมาก ถ้าจับได้ผ้าผืนกลางก็ทายว่าน้ำพอดีหาก
จับได้ผ้าผืนแคบทายว่าน้ำจะน้อย จากนั้นพราหมณ์จะมอบไถเทียมพระโคคู่ให้พระยาแรกนา
ลงมือไถ โดยเริ่มไถรี 3 รอบ ไถแปร 3 รอบ และไถดะ 3 รอบ ในระหว่างนั้น พระยาแรกนาจะ
หยิบเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานในหาบที่เทพีคู่หาบเงินและทองนำมาให้หว่าน แล้วไถกลบอีก 1
รอบ จากนั้นพราหมณ์จะให้พระโคเสี่ยงทายด้วยของกิน 7 อย่างมีข้าวเปลือก ข้าวโพด ถั่ว งา
เหล้า น้ำและหญ้า พระโคกินอะไร ก็ทายว่าสิ่งนั้นจะสมบูรณ์
หลังจากเสร็จพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานรางวัลแก่เกษตรกรและ
กลุ่มเกษตรกรดีเด่นที่ชนะการประกวดพันธุ์ข้าวเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ หลังจากเสด็จพระราช
ดำเนินกลับแล้ว ก็จะเปิดโอกาสให้เกษตรกรและประชาชนที่มาร่วมพิธีเข้ามาเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวที่
หว่านไว้เป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและอาชีพของตนเองต่อไป
กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏบัติในวันพืชมงคล
๑. ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการ
๒. จัดนิทรรศการ แสดงประวัติความเป็นมา และความสำคัญของวัชพืชมงคลรวมทั้ง
พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
ประเพณี "ฮีตสิบสอง คองสิบสี่"
เป็นประเพณีงานบุญท้องถิ่นของชาวจังหวัดเลย
คำว่า "ฮีตสิบสอง"หมายถึง งานประเพณีสิบสองเดือน เช่น งานบุญเดือนอ้าย คืองานบุญเข้า
กรรม, เดือนยี่ คืองานบุญคูณลาน, เดือนสาม คืองานบุญข้าวจี่, เดือนสี่ คือ งานบุญพระเวส
(หรือผะเหวด), เดือนห้า คืองานบุญสงกรานต์, เดือนหก คืองานบุญบั้งไฟ, เดือนเจ็ด คืองาน
บุญข้าวประดับดิน, เดือนแปด คืองานบุญเข้าพรรษา, เดือนเก้า คืองานบุญข้าวประดับดิน,
เดือนสิบ คืองานบุญข้าวสาก หรือบุญสลากภัต และเดือนสิบสอง คืองานบุญกฐินส่วน "คอง
สิบสี่" หมายถึงหลักทำนองคลองธรรมที่คนในสังคมพึงปฏิบัติต่อกันเพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่าง
สงบสุข เช่น หลักที่เจ้านายผู้ปกครองพึงปฏิบัติต่อราษฎร, หลักปฏิบัติของคนในครอบครัว,
หลักปฏิบัติของพระสงฆ์องค์เจ้า เป็นต้น
งานประเพณีเทศกาลตามฮีตสิบสองนี้ เป็นงานบุญที่ถือปฏิบัติกันทั่วไปในภาค
อีสานแต่ละท้องถิ่นก็อาจมีรายละเอียดปลีกย่อยหรือพิธีกรรม เฉพาะถิ่นแตกต่างกันออกไป

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552




สุภาษิตสอนหญิง
***เกิดเป็นสตรีมีศรีศักดิ์***
ผู้ใดเกิดเป็นสตรีอันมีศักดิ์
บำรุงรักกายไว้ให้เป็นผล
สงวนงามตามระบอบให้ชอบกล
จึงจะพ้นภัยพาลนินทา
***เป็นสาวศรีเหมือนมณีมีค่านัก***
เป็นสาวแซ่แร่รวยสวยสะอาด
ก็หมายหมาดเหมือนมณีอันมีค่า
แม้แตกร้าวรานร่อยถอยราคา
ก็จะพาค่าหายจากกายนาง
***จะนุ่งห่มทาแป้งแต่งพอดี***
จะนุ่งห่มดูพอสมศักดิ์สงวน
ให้สมควรรับพักตร์ตามศักดิ์ศรี
จะผัดหน้าทาแป้งแต่งอินทรีย์
ดูฉวีผิวเนื้ออย่าเหลือเกิน
***เอาผมไว้ให้รับกับใบหน้า***
จะเก็บไรไว้ผมให้สมพักตร์
บำรุงศักดิ์ตามศรีมิให้เขิน
เป็นสุภาพราบเรียบแลเจริญ
คงมีผู้สรรเสริญอนงค์ทรง
***อย่าเดินกรายขยับเสื้อผ้าอย่าเสยผม***
อย่าเดืนกรายย้ายอกยกผ้าห่ม
อย่าเสยผมกลางทางหว่างวิถี
อย่าพูดเพ้อเจ้อไปไม่สู้ดี
เหย้าเรือนมีกลับมาจึ่งหารือ
***เวลาเดินให้ปกป้องของสงวน***
อย่าลืมตัวมัวเดินให้เพลินจิต
ระวังปิดปกป้องของสงวน
เป็นนารีที่อายหลายกระบวน
จงสงวนศักดิ์สง่าอย่าให้อาย
***รักในใจอย่าให้ออกมานอกหน้า***
อันที่จริงหญิงกับชายย่อมหมายรัก
มิใช่จักตัดทางที่สร้างสม
แม้นจักรักรักไว้ในอารมณ์
อย่ารักชมนอกหน้าเป็นราคี
ดั่งพฤกษาต้องวายุพัดโบก
เขยื้อนโยกก็แต่กิ่งไม่ทิ้งที่
จงยับยั้งชั่งใจเสียให้ดี
เหมือนจามรีรู้จักรักษากาย
***คนขี้เหล้าเมายาอย่าไปเลือก***
คิดถึงตัวหาผัวนี้หายาก
มันชั่วมากนะอนงค์อย่าหลงใหล
คนสูบฝิ่นกินสุราพาจัญไร
แม้นหญิงใดร่วมห้องจะต้องจน
มักเบียดเบียนมีทางประดาเสีย
เหมือนเลี้ยง***อัปรีย์ไม่มีผล
ไม่ทำมาหากินจนสิ้นตน
แล้วซุกซนตีชิงเที่ยววิ่งราว
***เป็นคนดีถึงจนทรัพย์ไม่อับหมอง***
ถ้าคนดีมิได้ซ้ำระยำยับ
ถึงขัดสนจนทรัพย์ไม่เศร้าหมอง
คงมีผู้ชูช่วยประคับประคอง
เปรียบเหมือนทองธรรมดาราคามี
***จงรักนวลสงวนงามห้ามใจไว้***
จงรักนวลสงวนงามห้ามใจไว้
อย่าหลงใหลจำคำที่พร่ำสอน
คิดถึงหน้าบิดาและมารดร
อย่ารืบร้อนเร็วนักมักไม่ดี
***ดูแลเรือนเหย้าและข้าวของ***
ระวังดูเรือนเหย้าและข้าวของ
จะบกพร่องอะไรที่ไหนนั่น
เห็นไม่มีแล้วอย่าอ้างว่าช่างมัน
จงผ่อนผันเก็บเล็มให้เต็มลง
***รูปไม่สวยแต่ใจงามก็ล้ำเลิศ***
เป็นผู้หญิงสิ่งใดจะล้ำเลิศ
จะประเสริฐก็แต่ใจไม่เสื่อมสลาย
ถึงรูปทรงนงคราญจะพานคลาย
ก็อาจกลายส่งสวยด้วยใจงาม



วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ข้อมูลการท่องเที่ยว
ฝรั่งเศส (France) หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ สาธารณรัฐฝรั่งเศส (French Republic) (ฝรั่งเศส: République française ออกเสียง ) เป็นประเทศที่มีศูนย์กลางตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ทั้งยังประกอบไปด้วยเกาะและดินแดนอื่นๆ ในต่างทวีป ชาวฝรั่งเศสมักจะเรียกฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ว่า "หกเหลี่ยม" (L'Hexagone) เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศและอาณาเขตของประเทศฝรั่งเศส
ประเทศฝรั่งเศสมีพรมแดนติดกับประเทศเบลเยียม
ลักเซมเบิร์กเยอรมนีสวิตเซอร์แลนด์อิตาลีโมนาโกอันดอร์รา และสเปน และเนื่องจากประเทศฝรั่งเศสมีดินแดนโพ้นทะเลไว้ในครอบครอง ทำให้มีอาณาเขตติดกับประเทศบราซิลและซูรินาเม (ติดกับเฟรนช์เกียนา) และหมู่เกาะอินดีสเนเธอร์แลนด์ตะวันตก (ติดกับแซงต์-มาแตง) อีกด้วย นอกจากนั้นประเทศฝรั่งเศสยังเชื่อมกับสหราชอาณาจักรทางอุโมงค์ช่องแคบอังกฤษอีกด้วย
สาธารณรัฐฝรั่งเศสปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แบบสาธารณรัฐเดี่ยวกึ่งประธานาธิบดี โดยมีอุดมการณ์จากคำประกาศสิทธิมนุษยชนและพลเมือง ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19 ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศจักรวรรดินิยมที่มีอาณานิคมในครอบครองมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แผ่อาณาเขตบริเวณ
ทวีปแอฟริกาตะวันตกและเอเชียอาคเนย์ ซึ่งเห็นได้ชัดจากการมีอิทธิพลเหนือวัฒนธรรมและการเมืองการปกครองในอาณานิคมนั้นๆ ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและมีเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของโลก ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกอีกด้วย โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศกว่า 79 ล้านคนต่อปี (รวมทั้งนักท่องเที่ยวทางธุรกิจ แต่ไม่รวมนักท่องเที่ยวที่อยู่ภายในประเทศน้อยกว่า 24 ชั่วโมง) ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหภาพยุโรปและเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในสมาชิกสหภาพอีกด้วยฝรั่งเศสเองยังเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหประชาชาติ, ประชาคมผู้ใช้ภาษาฝรั่งเศสโลก, G8 และสหภาพละติน ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์อีกด้วย
ภูมิประเทศ
ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรปนั้นมีพื้นที่ 547,030 ตารางกิโลเมตร (211,209ตารางไมล์) ทำให้ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มสหภาพยุโรป ซึ่งใหญ่กว่าประเทศสเปนเพียงนิดเดียว ประเทศฝรั่งเศสมีพื้นที่ครอบคลุมลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายมาก ตั้งแต่ที่ราบชายฝั่งในภาคเหนือและตะวันตก ซึ่งติดกับทะเลเหนือและมหาสมุทรแอตแลนติก ไปจนถึงเทือกเขาแอลป์ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ที่ราบสูงมาสซิฟ ซองตราลทางภาคใต้ตอนกลางและเทือกเขาปีเรเนส์ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ประเทศฝรั่งเศสยังมีจุดที่สูงที่สุดในทวีปยุโรปตะวันตกคือ ยอดเขามงต์บล็องก์ หรือ มองต์ฺบลังก์ (Mont Blanc) ซึ่งสูง 4,807 เมตร (15,770 ฟุต) ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ บริเวณชายแดนประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี
สถานที่ท่องเที่ยวในฝรั่งเศส
หอไอเฟล (La Tour Eiffel) หอคอยโครงเหล็กที่มีความสูงอย่างโดดเด่นเป็นสง่าอยู่กลางกรุงปารีส ริมฝั่งแม่น้ำแซน เป็นสัญลักษณ์สำคัญประจำประเทศและนักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องขึ้นไปชมวิวบนหอไอเฟลแห่งนี้จึงจะถือว่ามาถึงมหานครปารีส หอไอเฟลสร้างขึ้นเพื่อเป็นหอคอยประจำงานแสดงสินค้าและงานเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ของการปฏิวัติใหญ่ฝรั่งเศส เริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ.1887โดยวิศวกรชื่อ กุสตาฟ ไอเฟลบนหอไอเฟลจะมีจุดชมวิว 3ระดับ แตละระดับที่ 2ซึ่งสูง 115 เมตรจะเป็นชั้นที่ดีที่สุด ทุก ๆ ชั้นจะมีร้านอาหาร ร้านของที่ละลึกและห้องน้ำไว้บริหารด้วย การขึ้นลงจะใช้ลิฟต์หรือบันไดก็ได้ ซึ่งมีขั้นบันไดเพียง 1,710 ปารีสและอิล-เดอ-ฟรองซ์ นครแห่งแสงสี สวรรค์ของคู่รัก ศูนย์กลางการออกแบบและแฟชั่นของโลก มหานครทันสมัยที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ทั้งหมดนี้ซึ่งเป็นกระจกสะท้อนความเป็นฝรั่งเศสคือสมญานามเพียงส่วนเดียวของนครปารีสซึ่งยังมีคำจำกัดความอื่นๆ อีกมากมาย... คงจะเป็นไปไม่ได้เลยหากจะให้กล่าวถึงปารีสแต่เพียงสั้นๆ และก็คงเป็นเรื่องยากเช่นกันที่จะบรรยายความงามของนครนี้มิให้เกินจริงหรือด้อยค่าลง แค่เพียงกล่าวถึงสถานที่สำคัญต่างๆ ที่โดดเด่นเป็นหนึ่งเดียวในโลกดังเช่น หอไอเฟล ประตูชัย อนุสรณ์สถาน Panthéon หรือจะเป็นย่านชุมชนที่มีเสน่ห์อย่างม็งต์มาร์ต เลอ มาเร่ส์หรือแซ็งต์ แฌร์แมง เดส์ เปรส์... ก็คงจะเหนื่อยเสียแล้ว ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงผับสไตล์ฝรั่งเศสหรือร้านอาหารนานาชาติจากทั่วทุกมุมโลก หรือพิพิธภัณฑ์ต่างๆ เช่น ลูฟร์ ออร์เซ่ย์ ศูนย์ศิลปะฌอร์ช ปอมปิดู สถาบันอาหรับศึกษา อีกทั้งพิพิธภัณฑ์ "เฉพาะกิจ" ที่น่าสนใจอีกหลายแห่งเช่น พิพิธภัณฑ์การโฆษณา พิพิธภัณฑ์แฟชั่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะชาวบ้าน... นอกจากนี้ปารีสยังเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาไม่มีวันน่าเบื่อ จนสามารถเขียนถึงได้เป็นหนังสือเล่มใหญ่ทีเดียว ทุกซอกทุกมุมของปารีสมีสิ่งใหม่ๆ รอให้คนต่างถิ่นไปค้นพบและหลงเสน่ห์ได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรับลมเย็นๆ ชมพระอาทิตย์ลับฟ้าด้านหลัง Pont des Arts มองมาจากพิพิธภัณฑ์ลูฟส์ จิบไวน์ขาวในผับย่านเขต 18 ฟังเพลงแจ๊สยามราตรีที่ย่านนักศึกษา Quartier latin ถ้าคุณได้ไปเยือนปารีส คุณจะได้สัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของนครแห่งนี้ที่พร้อมจะเป็น ปารีสของคุณแผงขายหนังสือเก่าบนกำแพงข้างถนนเลียบแม่น้ำแซน มีเสน่ห์ชวนให้เดินเลือกชมและเพิ่มบรรยากาศให้กับสถานที่สำคัญโดยรอบ ที่เห็นเป็นฉากหลังอยู่นี้คือ วิหารโนเตรอดามที่มีชื่อเสียงของปารีส หลากมุมมองของปารีสทิวทัศน์ของปารีสจากมุมกว้าง คุณสามารถเลือกชมได้จากหอไอเฟล ยอดตึก Montparnasse หอคอยของมหาวิหารโนเตรอดาม หรือบนยอดประตูชัย Arc de Triomphe ซึ่งคุณจะได้เห็นทัศนียภาพกว้างไกลของมหานครแห่งนี้ แต่หากคุณกลัวความสูงแล้วล่ะก็ ขอแนะนำให้ไปชมสถานที่แปลกตาใต้พื้นดินของปารีสเช่น ห้องโถงโบราณใต้มหาวิหารโนเตรอดาม ซึ่งใหญ่และน่าชมที่สุดของยุโรป หรืออาจจะย้อนอดีตไปชมระบบระบายน้ำโบราณที่พิพิธภัณฑ์ทางระบายน้ำของปารีสซึ่งยาวถึง 1,500 เมตรหรือไม่ก็ไปชมสุสานที่รวบรวมกระดูกมนุษย์ที่ Catacombes และถ้าคุณไม่ชอบบรรยากาศอับทึบใต้พื้นพิภพ คุณจะต้องชอบการล่องเรือชมเมือง หรืออาจจะเดินชมเมืองตามย่านที่มีสถานที่สำคัญโดยมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นนำชม หรือไม่ก็นั่งรถชมวิวรอบเมือง และถ้าอยากออกกำลังกายไปด้วยก็อาจเช่าจักรยานหรือใช้สเก็ตเที่ยวไปตามเส้นทางสำหรับนักท่องเที่ยว... ทุกสิ่งตามความสะดวกและตามใจคุณพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นที่ตั้งแสดงศิลปวัตถุนับชิ้นไม่ถ้วน เดิมเป็นพระราชวังแต่ต่อมาเมื่อราชสำนักย้านไปที่แวร์ซายส์ก็ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ไปประตูชัย(Arc de Triomphe) สุดถนนด้านหนึ่งของชองป์เซลิเซ่ คือที่ตั้งของประตูชัยสัญลักษณ์แห่งชัยชนะของนะโปเลียน หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้มีการนำศพทหารนิรนามมาฝังไว้และได้จุดไฟชั่วนิรันดร์ไว้เป็นที่เครื่องระลึกถึงวีรกรรมของทหารหาญที่ล่วงลับสถานที่สำคัญในอิลเดอฟรองซ์ - พระราชวังแวร์ซายส์ เป็นที่ประทับของกษัตริย์แห่งฝรั่งเศสจากสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ถึงพระเจ้าหลุยส์ที่ 18 แต่ก็โด่งดังเหนือพระราชวังอื่นใด ห้องกระจก Hall of Mirrors นอกจากจะมีความงดงามเป็นที่หนึ่งแล้ว ยังมีความสำคัญในประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นที่ลงนามยุติสงครามโลกครั้งที่สองในสนธิสัญญาแวร์ซายส์ระหว่างสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะ ห้องอื่นๆ ในแวร์ซายส์ล้วนมีความงดงามและอร่ามเรืองด้วยทองไม่แพ้กัน รวมไปถึงสวนที่ได้รับการจัดแต่งอย่างงดงาม และพระตำหนักตริอานองน้อยที่โปรดปรานของพระนางมารี อังตัวแนตต์ - ยูโรดิสนีย์ อยู่ห่างจากปารีสไปทางตะวันออกราว 32 กิโลเมตร เครื่องเล่นต่างๆ เหมือนกับดิสนีย์แลนด์ในสหรัฐอเมริกาและโตเกียว และมีโรงแรมอยู่ใกล้ๆให้พักค้างคืนสำหรับคนที่อยากใช้เวลาอยู่ๆ หลายๆวัน
ปฎิทินประจำปีของฝรั่งเศส
เดือน เมือง งาน
มกราคม โมนาโก แข่งรถ Monte-Carlo Motor Rally
กุมภาพันธ์ ปารีส Bric a brac Fair
ปลายกุมภาพันธ์ / นีช นีชคาร์นิวัลและงานสงครามดอกไม้
ต้นมีนาคม (Battle of Flowers)
มีนาคม ปารีส การแข่งขันรักบี้ 5 ชาติ
อาทิตย์สุดท้ายของมี.ค. ปารีส เทศกาลดอกไม้ Salon de Marsมีนาคม ปารีส เทศกาลหนังสือนานาชาติ
ต้นเมษายน ทั่วฝร่งเศส เทศกาลอีสเตอร์
พฤษภาคม โมนาโก การแข่งรถ International Grand Prix คานส์ เทศกาลภาพยนตร์
มิถุนายน ปารีส การแข่งขันเทนนิสเเฟรนซ์โอเพ่น
เทศกาลดนตรี มีพาเหรดและ Live band
มาเร่ส์ เทศกาลดนตรี เต้นรำ และการแสดงในโบสถ์
และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์กรกฎาคม ปารีส แข่งขันจักยาน Le Tour de France
14กรกฎาคม ทั่วฝรั่งเศส ฉลองวันชาติ
สิงหาคม ทั่วฝรั่งเศส ฤดูกาลท่องเที่ยว/พักร้อน มีการแสดงแสงเสียง
ตามสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์
กันยายน แคว้นผลิตไวน์ ฉลองการเก็บเกี่ยวผลผลิตองุ่นตุลาคม
ปารีส ปารีสแจ๊สเฟสติวัล
พฤศจิกายน ดีชง เทศกาลอาหารและไวน์นานาชาติ
ปารีส วันที่ระลึกทหารผ่านศึก
ธันวาคม ทั่วฝรั่งเศส ฉลองเทศกาลคริสต์มาส
อาหารการกินของฝรั่งเศส
วัฒนธรรมในการรับประธานอาหารของชาวฝรั่งเศสหลายแบบได้แผ่อิทธิพลไปทั่วโลก เช่น การดื่มไวน์ หรือเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อย ก่อนอาหารเบาจึงตามด้วยอาหารจานหลัก และผลไม้ ของหวาน หรือเนยแข็ง ส่วนรูปแบบการจัดอาหารบุฟเฟ่ต์ ที่นิยมกันทั่วไปนั้น คือ แบบอย่างของฝรั่งเศสอย่างแท้จริง มารยาทที่จะต้องรับทราบ คือ ทุกอย่างที่จัดไว้บนโต๊ะบุฟเฟต์ นั้น จะต้องรับประทานในห้องเท่านั้น ไม่ควรหยิบติดมือออกไปภายนอกห้องจัดเลี้ยงนอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้าภาพเสียก่อน ชาวฝรั่งเศสคือต้นตำรับของขนมปัง เราจะต้องใช้มือจับก้อนขนมปังแล้วหักหรือบิด ไม่ใช้มีดตัดผ้าเช็ดมือที่โต๊ะอาหารไม่ควรทำเป็นผ้ากันเปื้อน เช่น การเสียบไว้ที่คอเสื้อ หรือเหน็บไว้ที่เข็มขัด การรินกาแฟจะต้องไม่ล้นถ้วย ช้อนกาแฟจะต้องวางไว้บนจานรอง เวลาจับถ้วยกาแฟจะต้องหยิบชุดทางด้านขวามือเสมอ ส่วนการดื่มไวน์จะต้องจับที่ก้านแก้ว คนฝรั่งเศสดื่มไวน์ปีละ 100 ลิตรต่อคน ถือเป็นชาติที่ดื่มไวน์มากที่สุดในโลก
ควร-ไม่ควในฝรั่งเศส (Do and Don't in France)
1.คุณสามารถกล่าวทักทายว่าบงชู (Bonjour)ซึ่งหมายถึงสวัสดีตอนเช้า หรือ บงซัว (Bonsoir)ที่หมายถึงสวัสดีตอนเย็น และกล่าวลาเมื่อจะจากไปด้วยคำว่า "โอ(เครอ)วัว(Au revoir)"ที่แปลว่า ลาก่อนและกล่าวขอบคุณว่า "แม็กซิ (Merci)
2. วิธีทักทายสำหรับคนที่รู้จักกันนั้นคือการแลกจูบแก้มซึ่งกันและกันไม่ว่าคู่ทักทายของคุณจะเป็นหญิงหรือชาย ตามงานพิธีต่างๆ ชาวฝรั่งเศสใช้วิธีชนแก้มกันทั้งสองข้าง ว่ากันว่าชาวปารีสนิยมแนบแก้มกันถึง 4 ครั้ง ถ้าเป็นเมืองนอกเขตปารีสทำเพียง 2 ครั้ง
3. เมื่อไปรับประทานอาหารตามภัตราคารอย่าตะโกนเรียกบริหรว่า"การ์ซ็อง(garcon)"ที่ตรงกันกับภาษาอังกฤษว่า boy ซึ่งในภาษาฝรั่งเศสถือว่าไม่สุภาพ ควรเรียกว่าเมอซิเออร์ และกล่าวคำว่า ซิล วู เปล ซึ่งแปลว่ากรุณา เวลาสั่งอาหารหรือขออะไรเพิ่มเติมจึงถือว่าสุภาพและควรถอดหมวก เสื้อคลุม โอเวอร์โค๊ดหรือแจ้กเก็ต เพื่อแสดงความเคารพต่อสถานที่ก่อนทุกครั้ง
4. สนามหญ้าในฝรั่งเศสมีไว้ให้ดูและชื่นชมความเขียวชอุ่ม ห้ามแตะต้องเด็ดขาด ยกเว้นตามสนามหญ้าที่เปิดเป็นสาธารณะ หากคุณละเมิดกฏเข้าไปในสนามหญ้าซึ่งมีป้าย pelouse interdite แปลว่า สนามหญ้าห้ามเข้า กำกับอยู่ ถือว่าคุณทำผิดกฏหมาย
5. เมื่อชาวฝรั่งเศสต้องการโบกมือลาเขาจะยกมือพร้อมกับขยับนิ้วขึ้นลง ๆ
6. รถแท็กซี่ในฝรั่งเศสนั่งได้ 3 คน เฉพาะที่ตรงด้านหลังคนขับเท่านั้นที่นั่งด้านขวามือข้างหน้าคู่กับคนขับนั้น มักไว้ให้เป็นที่นั่งของสัตว์เลี้ยงช้อปปิ้งฝรั่งเศส
การช้อปปิ้งในฝรั่งเศส
นั้นควรจะซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศจะเป็นการประหยัดกว่า อาทิ
น้ำหอม ยี่ห้อน้ำหอมขึ้นชื่อที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าของต้นตำรับได้แก่ Christian Dior,Givenchy,Rochas,Guerlain,Paco Rabanne ฯลฯ เป็นต้น
เครื่องสำอาง ที่มีชื่อเสียงในไทยหลายยี่ห้อล้วนผลิตในฝรั่งเศส เช่น Lancome,Orlane,Nina RicciYves Saint Laurent,Christian Dior ฯลฯกระเป๋าและเครื่องหนัง ที่มีชื่อเสียงสุดๆ Chanel และ Louis Vuitton อื่นๆได้แก่ Lancel และ Longchamp นอกจากนี้มีเครื่องหนังที่เป็นสินค้าของ Yves Saint Laurent,Nina Ricci,Gucci หรือกระเป๋าเดินทางของ Delsey ฯลฯ
ผ้าลูกไม้ฝรั่งเศส มีชื่อเสียงในด้านความสวยงาม ความละเอียดประณีตตลอดจนสีสันที่ดึงดูดใจสาวๆชาวต่างชาติเป็นอันมาก นอกจากนี้ราคายังคุ้มค่าพอที่จะให้ขนกลับนำไปเป็นของฝาก
เครืองดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไวน์ (Vin)ไม่ว่าจะเป็นไวน์ขาวหรือไวน์แดงล้วนแล้วเป็นสินค้าขึ้นชื่อ ราคาของไวน์โดยเฉพาะที่มีขายอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านของชำ หรือร้านที่ขายไวน์โดยเฉพาะจะถูกมาก แชมเปญ (Champagne)แทบทุกเมืองในแคว้นแชมเปญมีชื่อเสียงในการผลิตแชมเปญมาก นักท่องเที่ยวที่ต้องการซื้อแชมเปญจากแหล่งผลิตโดยตรงสามารถเข้าไปซื้อได้
ของที่ระลึก มีอยู่ทั่วไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ราคาประมาณ 100 บาทขึ้นไป
ห้างสรรพสินค้า ใหญ่อยู่หลายเจ้า โดยเฉพาะแกลเลอรี่ลาฟาแยตต์ (Galeries Lafayette)และแพรงตองส์(Printemps)มีสาขาทั่วประเทศ มักเปิดวันจันทร์-เสาว์ ตั้งแต่เวลา 09.00-18.30 หรือ 19.30 น. ร้านเล็กๆอาจจะหยุดพักเที่ยงด้วย นอกจากนี้ซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ มักจะเปิดถึง 3 หรือ 4 ทุ่มช่วงเวลาที่ควรไปเยือน ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในฝรั่งเศส คือฤดูใบไม้ผลิ ถ้าจะไปเที่ยวตามชายทะเลของฝรั่งเศส ควรไปช่วงพฤษภาคม ซึ่งอากาศอบอุ่นแล้ว แต่นักท่องเที่ยวยังไม่มากนัก