วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

มารู้จักกับ FBI (เอฟบีไอ)
ดูเท่ไหม?.. เวลาที่ตำรวจในหนังฮอลลีวูดพูดว่า.. "หยุดอย่าขยับนี่เจ้าหน้าที่ FBI"
เจ้าหน้าที่ FBI ก็คือตำรวจประเภทหนึ่ง แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ ว่าเจ้าหน้าที่ FBI
คือตำรวจอะไร?

FBI นั้นย่อมาจาก Federal Bureau of In vestigation เป็นหน่วยสืบสวน
คดีอาญาของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1908
ชื่อเดิมคือ Bureau of Investigation

ในปี ค.ศ. 1924 ได้มีการปรับปรุงหน่วยงานขึ้นใหม่ และได้กำหนดนโยบาย
ของหน่วยงานที่ชัดเจนขึ้น และในปี ค.ศ. 1935 เปลี่ยนชื่อเป็น Federal Bureau
of In vestigation (ซื่อเดียวกับปัจจุบัน)

ีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. (Washington, D.C.) และยังมี
สำนักงานอยู่ตามเมืองยุทธศาสตร์ที่สำคัญอีก 58 แห่ง ทั่วสหรัฐอเมริกา
และเปอร์โตริโก

หน้าที่หลัก คือ สอบสวน และสืบสวนคดีของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เช่น การละเมิด
กฏหมายของรัฐบาลกลาง การก่อวินาศกรรม การก่อการร้าย เป็นต้น

เอฟบีไอมีหน่วยรวบรวมรูปพรรณบุคคล (Identification Division) และได้ตั้ง
ระบบรายงานอาชญากรรม (Criminal Report System) ซึ่งเน้นการนำหลัก
วิทยาศาสตร์ มาใช้ในการสืบสวน สอบสวน และหาพยานหลักฐาน นอกจากนั้น ยังม
ีห้องปฏิบัติการทางด้านเคมีเพื่อใช้ในการพิสูจน์หลักฐานประกอบการสืบสวนอีก
ด้วย

ต่อมา ขอบเขตอำนาจของเอฟบีไอได้ขยายมากขึ้น
ตามความเจริญก้าวหน้าของโลกปัจจุบัน เพราะ..
เมื่อผู้ก่อการร้ายใช้วิธีใหม่ๆ ในการก่อความไม่สงบ
FBI ก็ต้องพัฒนาให้ทันเพื่อการต่อกร จึงนับว่า
เป็นองค์กรที่ต้องเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง

เพื่อความสงบสุขของประชาชนสหรัฐอเมริก

ปรุงเนื้อป้องกันมะเร็ง
เนื้อสัตว์ที่ประกอบอาหารด้วยการผ่านความร้อน เช่น อบ ย่าง ต้ม หรือทอด
จะมีสาร Heterocyclic Animes (HCAs) ส่งผลให้ผู้รับประทาน
เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ กระเพาะ ปอด ตับอ่อน เต้านม และต่อมลูกหมาก
มากน้อยแตกต่างกันไปตามลักษณะของการให้ความร้อน

สาร HCAs ลดลงได้ด้วยเครื่องเทศที่ใช้ในการประกอบอาหาร เนื่องจากงานวิจัย
ของ J. Scott Smith ศาสตราจารย์ทางเคมีอาหาร จากมหาวิทยาลัยรัฐแคนซัส
(Kansas) ที่ทำการวิจัยกับเครื่องเทศ 6 ชนิด คือ ยี่หร่า, เมล็ดผักชี, ข่า, กระชาย,
โรสแมรี่ และขมิ้น พบว่ามีระดับสารต้านอนุมูลอิสระที่ยับยั้ง HCAs ได้สูง
ในกระชาย โรสแมรี่ และขมิ้น และสูงที่สุดในโรสแมรี่

งานวิจัยก่อนหน้านี้ยังระบุด้วยว่า เครื่องเทศไทย และเครื่องเทศอื่นๆ เช่น อบเชย
ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ยับยั้ง HCAs ได้เช่นกัน แต่มีระดับมากน้อยแตกต่างกัน
ตามชนิดของเครื่องเทศ

แม้ว่าการประกอบอาหารเนื้อสัตว์ ด้วยอุณหภูมิต่ำกว่า 177.78 องศาเซลเซียส
ไม่เกิน 4 นาที จะพบ HCAs น้อยมากหรือไม่พบเลย แต่ในความเป็นจริงการทำ
อาหาร 1 จาน มักใช้เวลามากกว่า 4 นาที ดังนั้น เมื่อต้องประกอบอาหารเนื้อสัตว์
หากต้องการลดความเสี่ยงในการเพิ่ม HCAs ควรใส่เครื่องเทศลงในเมนูทุกครั้ง

ปรุงเนื้อป้องกันมะเร็ง
เนื้อสัตว์ที่ประกอบอาหารด้วยการผ่านความร้อน เช่น อบ ย่าง ต้ม หรือทอด
จะมีสาร Heterocyclic Animes (HCAs) ส่งผลให้ผู้รับประทาน
เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ กระเพาะ ปอด ตับอ่อน เต้านม และต่อมลูกหมาก
มากน้อยแตกต่างกันไปตามลักษณะของการให้ความร้อน

สาร HCAs ลดลงได้ด้วยเครื่องเทศที่ใช้ในการประกอบอาหาร เนื่องจากงานวิจัย
ของ J. Scott Smith ศาสตราจารย์ทางเคมีอาหาร จากมหาวิทยาลัยรัฐแคนซัส
(Kansas) ที่ทำการวิจัยกับเครื่องเทศ 6 ชนิด คือ ยี่หร่า, เมล็ดผักชี, ข่า, กระชาย,
โรสแมรี่ และขมิ้น พบว่ามีระดับสารต้านอนุมูลอิสระที่ยับยั้ง HCAs ได้สูง
ในกระชาย โรสแมรี่ และขมิ้น และสูงที่สุดในโรสแมรี่

งานวิจัยก่อนหน้านี้ยังระบุด้วยว่า เครื่องเทศไทย และเครื่องเทศอื่นๆ เช่น อบเชย
ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ยับยั้ง HCAs ได้เช่นกัน แต่มีระดับมากน้อยแตกต่างกัน
ตามชนิดของเครื่องเทศ

แม้ว่าการประกอบอาหารเนื้อสัตว์ ด้วยอุณหภูมิต่ำกว่า 177.78 องศาเซลเซียส
ไม่เกิน 4 นาที จะพบ HCAs น้อยมากหรือไม่พบเลย แต่ในความเป็นจริงการทำ
อาหาร 1 จาน มักใช้เวลามากกว่า 4 นาที ดังนั้น เมื่อต้องประกอบอาหารเนื้อสัตว์
หากต้องการลดความเสี่ยงในการเพิ่ม HCAs ควรใส่เครื่องเทศลงในเมนูทุกครั้ง

ถ้าหากจะพูดถึงยาสามัญประจำบ้าน “พาราเซตามอล” ถือว่าเป็นยาสามัญประจำบ้านที่เรารู้จักกันเป็นดี เรียกว่าแทบจะทุกบ้านต้องมีติดบ้านไว้ เพราะรักษาอาการเจ็บป่วย ปวดหัวตัวร้อนได้กับทุกเพศทุกวัย แถมยังเป็นยาที่สามารถหาซื้อได้ง่าย

ในแต่ละปี สหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยที่ได้รับรายงาน ความเป็นพิษจากยาพาราเซตามอลประมาณ 100,000 ราย ถูกนำส่งห้องฉุกเฉิน 56,000 ราย ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล 26,000 ราย การใช้พาราเซตามอลเป็นประจำจะทำให้เกิดความเสี่ยงเป็นมะเร็งไตเพิ่มขึ้นเท่าตัว ซึ่งโรคนี้คร่าชีวิตคนอเมริกัน 12,000 ราย ต่อปี อุบัติการณ์ในการเกิดมะเร็งไตในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นถึง 126% นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา การก้าวกระโดดของการเกิดโรคนี้อาจจะเกี่ยวโยงกับการใช้ยาที่ผสมพาราเซตามอลเพิ่มขึ้น เนื่องจากอนุมูลอิสระจาก toxic metabolite ของพราราเซตามอลกระจายไปทั่วร่างกาย เพราะฉะนั้นก็สามาารถทำให้เพิ่มความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับความแก่ชราอย่างอื่นได้อีก นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองในสัตว์พบว่าพาราเซตามอลทำให้เกิดต้อกระจกในสัตว์ทดลองได้


สำหรับภาวะพิษจากพาราเซตามอลเกิดขึ้นได้จากเหตุโดยตั้งใจ คือการรับประทานยาเกินขนาดเพื่ออัตวินิบาตกรรม และโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเกิดได้จากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้

1. รับประทานยาชนิดอื่นที่มีส่วนผสมของราราเซตามอลโาดยไม่ทราบ แล้วรับประทานพาราเซตามอลเข้าไปอีก เนื่องจากปัจจุบันยาหลายชนิดมีส่วนผสมของพาราเซตามอล เช่น ยาบรรเทาหวัดลดไข้ ยาบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ยาคลายกล้ามเนื้อหลายชนิด

2. ปัจจัยเฉพาะบุคคลที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อตับได้ง่าย เช่นในผู้ที่ดื่มสุรา ผู้ป่วยโรคตับภาวะขาดสารอาหารซึ่งส่งผลให้ระดับกลูต้าไธโอนลดลง ในกลุ่มนี้ก่อให้เกิดพิษจากพาราเซตามอลได้ง่าย แม้ว่าจะรับประทานในขนาดปกติก็ตาม

3. การใช้ยาร่วมกัน โดยเฉพาะยาที่ออกฤทธิ์กระตุ้นเอนไซม์ในระบบขับสารพิษชื่อ CYP450 2E1 ในตับเช่นยา phenytoin, carbamazepine, rifampin เป็นต้น

ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้พาราเซตามอล ในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับเรื้อรัง พิษสุรา ภาวะขาดสารอาหาร และในผู้ที่กำลังรับประทานยาที่กระตุ้นเหนี่ยวนำเอนไซม์ cytochrome P450 2E1 ...ห้ามทานพาราเซตามอลแล้วดื่มสุรา หากกำลังใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาบรรเทาหวัด ให้อ่านฉลากให้ดีว่ามีส่วนผสมของพาราเซตามอลหรือไม่ และไม่รับประทานซ้ำซ้อนข้าไปอีก

และที่สำคัญไม่ควรใช้ยานี้เกินวันละ 2,600 มิลลิกรัม (ประมาณ 5 เม็ด ในขนาด 500 mg , จำนวน 8 เม็ดในขนาด 325 มิลลิกรัม) ขนาดรับประทานคือ 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม สูงสุดไม่เกินครั้งละ 650 มิลลิกรัม ส่วนการใช้ยาพาราเซตามอลกับเด็กเล็กๆ นั้นให้ดูฉลาก และคำนวณความต้องการให้ถูกต้องก่อนเสมอ เพราะยาน้ำนี้ในประเทศไทยมีหลายขนาด ปริมาณมิลลิกรัมต่อหนึ่งช้อนชาแตกต่างกันไป

อีกข้อห้ามที่หลายคนยังไม่ทราบก็คือ ไม่ควรใช้ยาพาราเซตามอลติดต่อกันเกิน 3 วัน เราสามารถใช้ยาทางเลือกแทนการใช้ยาพาราเซตามอลได้ เช่น ยาเขียวแก้ไข้ ยาจันทลีลา ยาฟ้าทะลายโจร ยาขมชนิดต่างๆ ล้วนมีฤทธิ์ลดไข้ได้เช่นกัน


วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553



ประโยชน์สุดแจ่มของ ยาสีฟัน (ลิซ่า)

นอก จากจะทำให้ฟันสะอาดสดใสแล้ว ยาสีฟันยังใช้งานได้อย่างวิเศษกับของอย่างอื่นที่ไม่ใช่ฟันด้วยล่ะ และนี่คือการใช้ยาสีฟันแบบสีขาว (เว้นแต่บอกไว้อย่างอื่น) กับงานต่าง ๆ รอบบ้านและรอบตัวคุณ

1. บรรเทาอาการระคายเคืองจากแมลงกัดต่อยหรือแผลพุพอง ทายาสีฟันลงไปบริเวณที่ถูกแมลงกัดต่อยโดยตรง มันจะบรรเทาอาการคันและลดความบวมลงได้ ส่วนแผลพุพองยาสีฟันจะทำให้แผลแห้งและหายเร็วขึ้น โดยควรทาทิ้งไว้ข้ามคืนเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด

2. บรรเทาแผลไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก สำหรับแผลเล็กน้อยที่ไม่มีรอยเปิด ยาสีฟันจะให้ความเย็นที่ช่วยบรรเทาอาการได้ โดยต้องทาลงไปทันทีหลังเกิดรอยแผล

3. กำจัดสิว อยากให้สิวหายเร็วขึ้นงั้นหรือ? ลองทายาสีฟันลงบนสิวแล้วทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วล้างออกในตอนเช้าสิ สิวจะยุบลงและหายเร็วขึ้น

4. ทำความสะอาดเล็บ ทั้งเล็บและฟันมีส่วนประกอบของกระดูกเหมือนกัน ยาสีฟัน จึงดีกับเล็บเช่นกันเพราะฉะนั้นอย่าลืมใช้แปรงและยาสีฟันขัดเล็บเป็นประจำ เพื่อช่วยให้เล็บสะอาดเป็นเงางาม และแข็งแรงขึ้น

5. ทำให้ผมอยู่ทรง ยาสีฟันแบบเจลมีส่วนผสมของโพลีเมอร์ที่ละลายน้ำ ซึ่งเป็นส่วนผสมแบบเดียวกับที่เจลแต่งผมส่วนใหญ่ใช้ ฉะนั้น ถ้าคุณมองหาอะไรที่จะสร้างสรรค์ผมซึ่งต้องการความอยู่ตัวแบบสุด ๆ แต่เจลแต่งผมเกิดขาดมือ ลองใช้ยาสีฟันแบบเจลแทนก็ได้

6. กำจัดกลิ่นเหม็น ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นกระเทียม หัวหอม ปลา หรืออาหารกลิ่นแรงอื่น ๆ ที่ติดอยู่บนมือ ลองใช้ยาสีฟันถูมือ มันจะช่วยกำจัดกลิ่นพวกนี้ได้

7. กำจัดรอยเปื้อน รอยเปื้อนที่กำจัดยากบนเสื้อผ้าหรือพรม ยาสีฟันสามารถช่วยได้สำหรับเสื้อผ้า ทายาสีฟันลงบนรอยเปื้อนโดยตรงและขยี้เบา ๆ จนกระทั่งรอยเปื้อนหายไป แล้วซักตามปกติ (แต่ควรระวัง ถ้าใช้ยาสีฟันแบบไวเทนนิ่งบนผ้าสีอาจทำให้สีผ้าซีดลงได้) สำหรับรอยเปื้อนบนพรม ทายาสีฟันลงบนรอยเปื้อน ใช้แปรงขัดจนรอยเปื้อนจางลง แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

8. ชุบชีวิตรองเท้าเก่า ทำความสะอาดรองเท้าวิ่งที่สกปรกมอมแมม แต่ซักน้ำไม่ได้ ด้วยการทายาสีฟันลงบนรอยเปื้อนแล้วขัดเบา ๆ จากนั้น เช็ดให้สะอาด

9. กำจัดรอยสีเทียนบนผนัง ใช้ผ้าชุบน้ำพอชื้น ๆ กับยาสีฟันขัดเบา ๆ บนรอยเปื้อน

10. ทำความสะอาดเครื่องประดับเงิน ทายาสีฟันลงบนเครื่องประดับเงิน แล้วทิ้งไว้ข้ามคืน จากนั้นใช้ผ้าสะอาด ๆ เช็ดออกในตอนเช้า ส่วนเครื่องประดับที่เป็นเพชร ก็สามารถใช้แปรงนุ่ม ๆ ยาสีฟันเล็กน้อย และน้ำขัดเบา ๆ ให้แวววาวดังเก่าได้ แต่อย่าใช้กับมุกเพราะจะทำให้เคลือบผิวเสียหายได้

วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553

10อาหารอันตราย ใกล้ตัวมากๆๆๆ

1.แฮมเบอเกอร์

แฮมเบอร์เกอร์ทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์ เนื้อส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้นและ นำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก หูและส่วนอื่นๆของมัน เพราะว่าเบอร์เกอร์ทั้งหมดทำมาจากสัตว์ จึงสามารถขึ้นป้ายว่า เนื้อวัวแท้ (Pure beef)แฮมเบอร์เกอร์ทั้งหมดจะใส่สารปรุงรส (MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ MSG เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้น และท้ายที่สุดก็ทำให้ท่านอ้วนขึ้นด้วยอุตสาหกรรมปศุสัตว์ เป็นผู้ใช้ยาปฏิชีวนะมากที่สุดในโลก เพื่อใช้ในการหักล้างแบคทีเรียที่เป็นอันตรายในเนื้อ

2.ฮอทด็อก

ฮอทด็อกทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์ เนื้อ ส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้น และนำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก สันจมูก หู เล็บและส่วนอื่นๆของมัน เพราะว่าฮอทด็อกทั้งหมดทำมาจากสัตว์ จึงสามารถขึ้นป้ายว่า เนื้อวัวแท้ (Pure beef) หรือ ทำจากไก่งวงแท้ 100%

3.เฟรนช์ฟราย

เป็นอาหารที่มี ?ความเป็นพิษสูง?การทอดเฟร้นช์ฟราย จะทอดกันที่อุณหภูมิสูง ทำให้มีสารเคมีอะคริลิไมด์(Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท

4.โอริโอ้ คุกกี้

ที่เด่นชัดมากก็คือ ส่วนของน้ำตาลมีอยู่สูงถึง 23 กรัมเลยทีเดียว
ช็อก โกเล็ตนั้นเป็นสารอาหารรายการสุดท้าย นั่นหมายความว่า มีช็อคโกเล็ตประกอบอยู่น้อยมาก น้ำตาลปริมาณสูง ทำให้ผิวหนังเ่ยวย่นและเกิดริ้วรอยได้เร็วยิ่งขึ้น

5.พิซซ่า

พิซซ่าในเชิงทางการค้าจะประกอบไปด้วยอาหารที่มาจากการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม 5 ชนิด
-. เนยแท้ (cheese) เพียง 10% เท่านั้น

-. แป้ง ที่ผ่านการปรุงแต่งให้ขาวที่ได้ทำการฟอกสี ทำให้วิตามินและเกลือแร่ออกไปแล้ว แต่ได้ทำการเติมเกลือแร่สังเคราะห์ตามจำนวนโมเลกุลที่มันเคยมีอยู่เข้าไป ใหม่

-ซอสมะเขือเทศ ทำด้วยสารที่คล้ายมะเขือเทศที่สร้างยาฆ่าแมลงของมันขึ้นมาได้เอง ในร่างกายของท่าน

-แป้งสาลีที่นำมาใช้เป็นแป้งชนิดที่มีการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม

-มีน้ำมันฝ้ายประกอบอยู่ด้วย ฝ้ายไม่ได้จัดเป็นพืชพวกอาหาร มันผ่านการสเปรย์ด้วยยาฆ่าแมลงที่ชาวไร่ใช้

6.น้ำอัดลม

สารตัวสำคัญที่มีอยู่ในโค้กก็คือกรดกำมะถัน (Phosphoric acid) ในด้านความเป็นกรดด่าง มันมีความเป็นกรดอยู่สูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วันกรดที่สะสมอยู่ในร่างกาย ทำให้ยากที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้

7.ชิ้นไก่เนี้อนุ่มไม่มีกระดูก

ทำมาจากชิ้นส่วนของไก่ที่ไม่ใช้แล้ว น้อยมากที่จะทำมาจากเนื้อขาวจริงๆการรับประทานต่อครั้งโดยทั่วไป จะให้พลังงาน 340 แคลอรี่ 50% เป็นไขมันมีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก จึงมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูง มีการเติมสารปรุงรส

8.ไอศครีม

มีไขมันอยู่สูงมาก (ขนาดปกติ 4 ออนซ์) มีไขมันเกินกว่า 50% ของไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวันมีคาร์โบไฮเดรตอยู่มาก เกือบ 40% ของคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวันมีน้ำตาลอยู่มาก ทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเ่ยวย่น

9.โดนัท

โดยเฉลี่ยแล้ว จะให้พลังงานประมาณ 300 แคลอรี่ ในโดนัทหนึ่งชิ้นมีแป้งคาร์โบไฮเดรตอยู่มากกว่า 50% ของที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวันมีเกลือโซเดียมอยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้

10.โปเตโต้ชิพ อาหารขบเคี้ยว

การทอดโปเตโต้ชิพจะทอดกันที่อุณหภูมิสูงทำให้มีสารเคมีอะคริลิไมด์ (Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท กินมันฝรั่งทอดเพียงวันละ 1 ถุง เท่ากับซดน้ำมันพืชปีละ 5 ลิตรเชียวนะ

อันตราย..ภัยใกล้ตัวผู้หญิง

ภัยโรคจิต
ภารกิจ :
ลวนลามผ่านกรรมวิธีทางคำพูด กิริยาหรือแม้กระทั่งสายตา
กลุ่มเป้าหมาย : ดักแซวผู้หญิงทุกวัย โดยเฉพาะวัยรุ่น ไม่เว้นแม้แต่ตุ๊ด กระเทย ทอม ดี้
วิธีรับมือ : พิจารณาพฤติกรรมก่อนว่าจัดอยู่โรคจิตประเภทใด ถ้าเป็นโรคจิต (คนบ้า) อย่าต่อปากต่อคำให้แจ้งตำรวจทันที แต่ถ้าเป็นโรคจิตประเภทจิตเสื่อม หรือจิตต่ำทราม ให้ร้องกรี๊ดเสียงดังๆขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง จากนั้นแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ (หลังรุมสกรัมกันเองแล้ว)

ภัยบัตรเครดิต (แบบไม่รู้ตัว)
ภารกิจ : ส่วนใหญ่ทำเป็นขบวนการ ใช้สำเนาเอกสาร บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ที่คุณเคยยื่นทำธุรกรรมการเงินตามบริษัทหรือสมัครสมาชิกที่ต่างๆมาปลอมแปลงแอบอ้างทำบัตรเครดิต
กลุ่มเป้าหมาย : คนทำงานฐานเงินเดือนและอายุงานตามกำหนด (ส่วนใหญ่ 15,000 บาทและอายุงาน 1 ปีขึ้นไป)
สถานที่ : ร้านค้า, ห้างสรรพสินค้าที่เขียนป้ายว่า "ยินดีรับบัตรเครดิต" จากนั้นก็รูดกระหน่ำและเชิดหนี
วิธีรับมือ : เซ็นรับรองสำเนาถูกต้องขีดคร่อมเอกสารทุกฉบับ และเขียนกำกับว่าใช้เพื่อทำธุรกรรมประเภทใด หรือถ้าสงสัยยอดค่าใช้จ่ายในใบเรียกเก็บค่าต่างๆให้รีบติดต่อบริษัทนั้นๆ เพื่อค้นหาข้อมูล

ภัยเครื่องดื่ม (แอลกอฮอล์)
ภารกิจ : ส่วนใหญ่แอบผสมสารออกฤทธิ์ประเภทเดียวกับยานอนหลับในเครื่องดื่ม
กลุ่มเป้าหมาย : วัยรุ่นผู้หญิงชอบเที่ยวกลางคืน แต่งตัววูบวาบ เซ็กซี่ดูมีฐานะ
วิธีรับมือ : แต่งตัวให้มิดชิด ไม่เที่ยวคนเดียวหรือรับดริ๊งค์จากคนแปลกหน้า
หมายเหตุ : เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ทำให้ประสิทธิภาพในการขับรถลดลง แต่สำหรับผู้หญิงนับเป็นปัจจัยเสี่ยงให้มีการเสียตัวสูง ผู้หญิงกว่าครึ่งผับเลือกผสมแอลกอฮอล์ในเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มความสนุกสนาน นอกเหนือจากเสียงเพลงและสิ่งบันเทิงใจอื่นๆ อาทิ ผู้ชายหน้าตาดี (ที่ยังไม่รู้จักนิสัย) เสื้อผ้าชุดใหม่ที่ใส่แล้วสุดวาบหวิว (จริงๆแล้วคนหน้าตาดีใส่อะไรก็สวยทั้งนั้น) และค็อกเทลสูตรใหม่ (ที่ไม่รู้ว่าใครผสมสารอะไรให้ดื่มหรือเปล่า)

ภัยหมอดูหลอกลวง
ภารกิจ : พูดจาหว่านล้อม ทำทีทำนายทักดวงชะตาในแง่ลบ ขอดูลายมือหรือพยายามแตะเนื้อต้องตัว และใช้ยาชาหรือยาสลบและเรียกทรัพย์ในรูปแบบสะเดาะเคราะห์ โดยคุณไม่ได้สติ
กลุ่มเป้าหมาย : ผู้หญิงบุคคลทั่วไปที่หน้าตาไม่ค่อยฉลาด จิตอ่อน งมงายเกินเหตุ งก อยากรวยทางลัด ระแวงกลัวสามีหรือแฟนจะนอกใจ จึงต้องพึ่งไสยศาสตร์
วิธีรับมือ : งดเดินทางคนเดียวและใส่เครื่องประดับเกินความจำเป็น ดูดวงได้แต่ต้องดูอย่างมีสติ ไม่หลงงมงาย (ถ้าไม่อยากหมดตัว)

ภัยใบเสร็จรับเงิน
ภารกิจ : ขายของแต่ไม่ให้ใบเสร็จรับเงิน (โดยอ้างเหตุผลต่างๆนานา) หรือสุ่มกล่าวหาผู้ซื้อว่าขโมยสินค้า ขอค้นตัวและเรียกค่าปรับ 10 เท่า (ถ้าไม่มีใบเสร็จยืนยัน)
กลุ่มเป้าหมาย : ลูกค้าที่ซื้อสินค้าแล้วไม่ขอใบเสร็จรับเงิน หรือทิ้งใบเสร็จรับเงินทันทีที่ซื้อสินค้า
วิธีรับมือ : เก็บใบเสร็จรับเงินไว้ยืนยันทุกครั้งเมื่อซื้อสินค้า และถ้าสงสัยว่าพนักงานจะร่วมมือเป็นกระบวนการ ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจสอบ

ภัยสังคม
ภารกิจ : ก่อเหตุในจุดที่ลับตาคน พูดจากล่อมจนเหยื่อไว้ใจ
กลุ่มเป้าหมาย : ผู้หญิงที่ชอบไปไหนมาไหนคนเดียว และใส่เครื่องประดับประดา
วิธีรับมือ : อย่าหลงเชื่อคำพูดหรือไว้ใจคนแปลกหน้า, ไม่ควรไปไหนตามลำพัง

ภัยห้องลองเสื้อ
ภารกิจ : จัดห้องลองแบบใช้ผ้ากั้น ,ติดกล้องวงจรปิด, ติดตั้งกระจกไว้ในลักษณะเอียงตามมุมต่างๆ (ซึ่งสามารถสะท้อนให้คนภายนอกมองผ่านได้)
กลุ่มเป้าหมาย : ผู้หญิงวัยรุ่นที่นิยมซื้อเสื้อผ้าตามร้านริมทางหรือในที่สาธารณะ และใช้บริการห้องลองแบบผ้ากั้น
วิธีรับมือ : ช่วยกันตะโกนร้องประจานเจ้าของร้านทันทีที่พบเหตุการณ์แบบนี้ (ให้อายจนขายของไม่ได้เลย) แจ้งตำรวจจับทันที และระมัดระวังตัวทุกครั้งเวลาลองเสื้อผ้า

ภัยรถแท็กซี่
ภารกิจ : ป้ายยาไว้ที่ฝ่ามือ แล้วแกล้งเอื้อมมือกดปุ่มมิเตอร์ จากนั้นพยายามอังมือไว้ที่ช่องแอร์ โดยหันแอร์ไปทางผู้โดยสารและปิดกระจกรถ
กลุ่มเป้าหมาย : กลุ่มผู้หญิงวัยรุ่นที่นุ่งกระโปรงสั้น สวมเสื้อผ้าไม่มิดชิด ใส่เครื่องประดับล่อแหลม
วิธีรับมือ : ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์นี้ให้รีบเปิดกระจกสูดอากาศภายนอก และลงจากรถทันที จดทะเบียนรถ แจ้งตำรวจ

ภัยอาวุธป้องกันตัว
ภารกิจ : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตัว อาทิ คัตเตอร์, เครื่องช็อตไฟฟ้า, สเปรย์พริกไทย, กระบอกไฟฟ้า, ปืนปากกา ของเหยือ กลับมาทำร้ายเหยื่อ
กลุ่มเป้าหมาย : วัยรุ่นหญิงที่ชอบพกอุปกรณ์เหล่านี้ติดกระเป๋า
วิธีรับมือ : อุปกรณ์เหล่านี้เปรียบเสมือนดาบสองคม ก่อนใช้ควรศึกษารายละเอียดและวิธีใช้ และควรพิจารณาว่าเครื่องมือเหล่านี้สามารถรับมือกับคนร้ายได้หรือเปล่า ถ้าคิดว่าไม่รอด ไม่ต้องควักออกมา จะเป็นภัยตัวเองเปล่าๆ