วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ที่สุดในประเทศไทย
จังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุดจังหวัดเชียงใหม่ 22,848,421 ตารางกิโลเมตร
จังหวัดที่มีพื้นที่น้อยที่สุดจังหวัดสมุทรสงคราม 431,801 ตารางกิโลเมตร
ยอดเขาสูงที่สุดดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่
จังหวัดที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมากที่สุดจังหวัดเชียงราย 2,575 เมตร หรือ 8,450 ฟุต
แม่น้ำที่ยาวที่สุดแม่น้ำมูล ยาว 673 กิโลเมตร
ส่วนที่ยาวที่สุดของไทยจากเหนือสุดอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ถึงใต้สุด คืออำเภอเบตง จังหวัดยะลา ระยะทาง 1,620 กิโลเมตร
ส่วนที่กว้างที่สุดของไทยจากตะวันออกตำลบช่องแม็ก อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ถึงตะวันตก คือ ด่านเจดีย์สามองค์ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ระยะทาง 750 กิโลเมตร
ส่วนที่แคบที่สุดของแผ่นดินไทยที่ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบฯ กว้างเพียง 10.6 กิโลเมตร
บริเวณที่แคบที่สุดของคาบสมุทรภาคใต้คอคอดกระ อยู่ที่จังหวัดระนอง กว้าง 50-80 กิโลเมตร
เทือกเขาที่ยาวที่สุดเทือกเขาตะนาวศรี ยาวประมาณ 834 กิโลเมตร สูงประมาณ 1,500 เมตร
บริเวณที่ฝนตกชุกที่สุดจังหวัดระนอง ฝนตกเฉลี่ยปีละประมาณ 5,106.3 มิลลิเมตร
บริเวณที่ฝนตกน้อยที่สุดจังหวัดตาก ฝนตกเฉลี่ยปีละประมาณ 951.1 มิลลิเมตร
ทางรถไฟสายที่ยาวที่สุดทางรถไฟสายใต้ จากสถานีธนบุรี ถึงสุไหงโก-ลก ยาว 1,144 กิโลเมตร
ทางหลาวแผ่นดินสายที่ยาวที่สุดทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม เริ่มจากกรุงเทพฯ ถึงคลองพรวน ระยะทาง 1,352 กิโลเมตร
พระนอนที่ยาวที่สุดพระนอนวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) กรุงเทพฯ ยาว 46 เมตร
พระพุทธยืนที่สูงที่สุดหลวงพ่อโต วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม กรุงเทพฯ
พระพุทธรูปปางสมาธิที่ใหญ่ที่สุดพระพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว จังหวัดสุพรรณบุรี
พระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุดพระสุโขทัยไตรมิตร วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพฯ คิดเป็นทองคำหนัก 5 ตันครึ่ง หรือ 25,000 ปอนด์
เจดีย์ที่สูงที่สุดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม สูง 3 เส้น 1 คืบ 6 นิ้ว
สะพานที่ยาวที่สุดสะพานติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา ยาว 2,950 เมตร
พันธุ์ปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยปลาบึก พบในแม่น้ำโขง
วัดที่มีเจดีย์มากที่สุดวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) กรุงเทพฯ
นายกรัฐนมตรีที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดจอมพล ป. พิบูลสงคราม 14 ปี 11 เดือน 18 วัน
น้ำตกที่สูงที่สุดน้ำตกสาริกา จังหวัดนครนายก
ระฆังที่ใหญ่ที่สุดระฆังวัดกัลยาณมิตร เขตธนบุรี กรุงเทพฯ
เกาะที่ใหญ่ที่สุดเกาะภูเก็ต พื้นที่ประมาณ 538,720 กิโลเมตร

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ล้างพิษด้วยผลไม้

แอปเปิ้ล : เป็นผลไม้ที่ดีที่สุดสำหรับการขจัดของเสียออกจากร่างกาย เพราะแอปเปิ้ลมีสารเพกตินที่จะช่วยนำสารพิษไปกำจัดทิ้ง และยังมีคุณสมบัติป้องกันไม่ให้โปรตีนในลำไส้เกิดการบูดเน่า จึงไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดจุลินทรีย์ขึ้นในลำไส้ นอกจากนี้แอปเปิ้ลยังเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยสูง จึงามารถกวาดล้างสิ่งสกปรกในลำไส้ได้ดี ทำให้ตับและระบบย่อยทำงานได้ดียิ่งขึ้น

องุ่น : องุ่นคือสารฟอกล้างสำหรับผิวหนัง ตับ ลำไส้ และไตโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกหลายอย่าง เช่น ช่วยควบคุมมูกที่จะออกมาจากเยื่อเมือกต่างๆ ในร่างกาย ให้พลังงานสูง อุดมไปด้วยเกลือแร่ ช่วยบำรุงเลือกและเสริมเซลล์ในร่างกาย

สับปะรด : เอนไซม์โปรเมลินที่มีอยู่มากในสับปะรดจะช่วยให้การทำงานของกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะดีขึ้น และทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัวได้เร็วขึ้น ร่างกายจะได้กำจัดทิ้งไปได้ นอกจากนี้สับปะรดยังเป็นยาช่วยรักษาอาการอักเสบในทางเดินอาหาร ช่วยซ่อมแซมส่วนต่างๆ ที่สึกหรอ ช่วยในการทำงานของต่อมไร้ทอ และช่วยกำจัดน้ำมูกได้ด้วย

มะละกอและมะม่วง : คู่หูดูโอนี้มีคุณสมบัติคล้ายๆ กัน คือมีเอนไซม์ชื่อปาเปน ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ฉะนั้นมันจึงช่วยทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัวได้เร็วขึ้น นอกจากนี้แล้วยังมีไฟเบอร์สูง ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานดี ลำไส้ก็สะอาด คนที่อารมณ์หดหู่ชอบมองโลกในแง่ร้ายอาจจะต้องทานมะละกอมากขึ้น เพราะเชื่อว่ามะละกอสามารถลดอาการซึมเศร้าได้อีกด้วย

แตงโม : แตงโมจะล้างสารพิษโดยขับออกมากับปัสสาวะ เปลือกแตงโมยังอุดมไปด้วยคลอโรฟิลล์ ส่วนเมล็ดก็มีวิตามินสูง ถ้าได้ดื่มน้ำที่คั้นจากเปลือกแตงโมก่อนทานเนื้อของมัน สักครึ่งชั่วโมง จะได้ประโยชน์สูงสุด ที่สำคัญแตงโมยังสามารถรักษาแผลในกระเพาะและลดความดันโลหิตสูงอีกด้วย


แนะกิน รำข้าว ป้องกันนิ่วในไต
แม้การเกิดนิ่วจะเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม การดื่มน้ำไม่เพียงพอ แต่อาหารบางประเภท ตลอดจนพฤติกรรมการกิน ก็ยังมีส่วนสำคัญ ก่อนหน้านี้มีการแนะนำให้คนที่เสี่ยงต่อการเป็นนิ่วกินอาหารที่เป็นของเหลว โปรตีนต่ำ และมีใยอาหารสูง เพื่อช่วยลดการก่อตัวของแคลเซียมและออกซาเลทในระบบปัสสาวะ ทำให้คิดไปถึงอาหารที่มีไฟเบอร์สูงนานาชนิด



แต่ความรู้ใหม่ที่จะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นทางเลือกใหม่ของอาหารไฟเบอร์ ซึ่งเราต่างรู้จักกันดี นั่นคือ รำข้าว นอกจากรำข้าวแล้ว หากบ้านใครที่อยู่ใกล้ลานข้าวโพด รำข้าวโพดหรือที่เรียกกันว่าจมูกข้าวโพด ซึ่งได้จากการสีข้าวโพดแก่ออกจากฝักก็เป็นอาหารอีกอย่างที่แนะนำ




สำหรับผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นนิ่ว ควรนำรำข้าวหรือรำข้าวโพดมาปรุงอาหาร อาจจะนำมาโรยในน้ำอาร์.ซี. หรือน้ำนมถั่วเหลืองในตอนเช้า โดยปริมาณไฟเบอร์ซึ่งอาจรวมไฟเบอร์จากแหล่งอาหารอื่นๆ ที่แนะนำต่อวัน คือ 18 กรัม



ในรายที่มีการก่อตัวของก้อนนิ่ว เมื่อรับประทานรำข้าวหรือรำข้าวโพดในปริมาณ ครึ่งช้อนโต๊ะ วันละสองครั้งเป็นประจำทุกวัน พบว่าปริมาณแคลเซียมในปัสสาวะจะลดลงอย่างรวดเร็ว และถ้าทำได้ติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ในระยะยาวจะไม่มีการก่อตัวของนิ่วก้อนใหม่ในช่วงเวลานั้น


สุขภาพดีอาจจะหาซื้อไม่ได้แต่เป็นเจ้าของได้แน่นอน ถ้าสาวๆ ทำตามเคล็ดลับเหล่านี้
1. แอปเปิ้ล แตงโม กล้วย กีวีต้องระวัง
ผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้มีประโยชน์มาก แต่ถ้าคุณกำลังทานยาปฏิชีวนะอยู่ ผลไม้พวกนี้จะกลายเป็นโทษทันทีเพราะมันบูดในลำไส้ได้ง่าย อาจจะทำให้เกิดอาการอักเสบในระบบทางเดินอาหารได้

2. ผลไม้กับมื้ออาหาร
ก่อนทานอาหารควรจะเรยีกน้ำย่อยด้วยสับปะรดและมะละกอสัก 2-3 ชิ้น ผลไม้สองชนิดนี้มีเอนไซม์ที่จะช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารมื้อหลักที่กำลังจะตามลงมาได้ง่ายขึ้น และหลังจากจบมื้ออร่อยแล้วควรตบท้ายด้วยแอปเปิ้ลสัก 1 ชิ้นเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำลายซึ่งจะทำให้จำนวนแบคทีเรียในช่องปากลดลง และช่วยให้เหงือกแข็งแรงด้วย

3. อย่าปล่อยให้หิว
ควรจะทานอาหารให้ตรงเวลาทุกวันแม้จะยังไม่รู้สึกหิวก็ตาม เพราะเวลาที่เราหิวร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนควมเครียดออกมา ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เป็นประจำก็จะทำให้คุณกลายเป็นสาวเครียด และนำไปสู่อาการความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือเบาหวาน

4. เนื้อสัตว์กับผลไม้ไม่เข้ากัน
ถ้าทานน้อยๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามื้อไหนคุณทานเนื้อเป็นจำนวนมากแล้วควรจะงดผลไม้ไป เพราะกว่าเนื้อจะย่อยหมดต้องใช้เวลานาน ส่าวนผลไม้ซึ่งย่อยเร็วจะถูกกักอยู่ในกระเพาะ จึงทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารได้

5. นาฬิกาชีวภาพ
หลักการสุขภาพดีบอกไว้ว่าเราควรจะเข้านอนในเวลาเดียวกันทุกๆ วัน แต่ส่วนใหญ่พอถึงคืนวันศุกร์กับวันเสาร์เรามักจะนอนดึกเพราะถือว่าเป็นวันหยุด การทำอย่างนี้จะทำให้ความเคยชินหรือที่เรียกว่าชีวภาพของร่างกายรวรเร จึงไม่ต้องแปลกใจเลยที่วันจันทร์เราจะง่วงนอนกว่าปกติ

6. ความเครียดทำลายผิว
ถ้าอยากผิวสวย แก่ช้า ดูอ่อนกว่าวัย สิ่งแรกที่ต้องปรับคือความคิดของตัวเราเอง พยายามคิดในทางบวก มองโลกในแง่ดี หลีกเลี่ยงความคิดที่ทำให้ตึงเครียด เพื่อไม่ให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกทำลายตัวเราเอง

7. หลีกเลี่ยงภาชนะพลาสติก
เพราะความร้อนรวมทั้งรสชาติเผ็ดเปรี้ยว เค็มจากอาหารสามารถเข้าไปกัดเซาะสารสังเคราะห์ในพลาสติกให้ละลายออกปะปนกับอาหารได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะการใช้ภาชนะพลาสติกใส่อาหารเข้าอุ่นในเตาไมโครเวฟยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง เพราะเป็นการเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมเป็นอย่างมาก

8. อย่าประมาทอาการไอเรื้อรัง
หลังจากหายหวัดแล้วอาการไออาจจะยังไม่หายไป แต่สาวหลายคนมักจะไม่สนใจเพราะคิดว่าอาการไอเป็นเรื่องชิลๆ แต่ที่จริงอาการไอเรื้อรังร้ายแรงกว่าที่คุณคิด เพราะมันอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ยาปฏิชีวนะ ที่หมอให้มารักษาอาการหวัดไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ วิธีหยุดอาการไอที่ได้ผลที่สุดคือการดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อลดเสมหะในทางเดินหายใจ และนอนหลับให้เพียงพอเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้เต็มที่

9. เท้าและข้อเท้าบวม
ถ้ามีอาการแบบนี้อย่าปล่อยไว้ เพราะฝ่าเท้าเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาททั่วร่างกาย ถ้าบริเวณเท้ามีปัญหาก็จะส่งผลถึงร่างกายทุกส่วน วิธีแก้ไขคือให้นั่งยองๆ ทุกวันๆ ละ 15 นาทีจากนั้นก็ขยับข้อเท้าไปข้างหน้าและข้างหลังเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น หลังจากนั้นใช้แปรงขนนุ่มๆ แปรงผิวหนังเบาๆ โดยเริ่มจากฝ่าเท้าแล้วค่อยๆ ปัดไล่ขึ้นมาที่ข้อเท้า น่อง ต้นขา ท้อง แขนไปจนสุดที่มือทั้งสองข้าง (ยกเว้นผู้ที่เป็นเบาหวานเพราะเสี่ยงจะเกิดบาดแผล) ตบท้ายด้วยการอาบน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น

10. งดเครื่องดื่มคาเฟอีน
เครื่องดื่มพวกนี้ไม่ว่าจะเป็นชาหรือกาแฟ ปกติก็ไม่ควรดื่มอยู่แล้ว แต่ถ้าบังเอิญคุณเป็นโรคปวดหลัง เครื่องดื่มพวกนี้จะเป็นศัตรูของคุณไปทันที เพราะคาเฟอีนจะไปลดการหลั่งสารเอนโดรฟินซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดตามอวัยวะต่างๆ อาการปวดของคุณก็จะไม่หายหรืออาจจะเป็นมากขึ้นด้วย