วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Les Caractéristiques

1.Quelle sont les cinq qualités que vous préférez?

- Je suis gaie ,volontaire,timide,dynamique et sociable


2.Quelles sont les cinq caractéristiques que vous n'aimez pas?

- Je n'aime pas les gens qui sont fainéants , agressive , secret,bagarreur et capricieux

3.Utilisez trois adjectif pour vous décrire?

- Je suis gaie,volontaire et timide

วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2552


มะละกอ กินเท่าไหร่ไม่เคยพอ

มะละกอสุกๆ เนื้อสีส้มแดงนี่แหละขอบอกว่าเป็นผลไม้ที่ดีที่สุดของความมีประโยชน์ทีเดียว ใครไม่กินก็บอกได้เลยว่า คุณกำลังพลาดของดีชนิดที่สุขภาพไม่น่าให้อภัยเลย มะละกอสุกกินง่ายกว่ามะละกอดิบตั้งเยอะ สามารถปอกเปลือกแล้วลำเลียงลงกระเพาะได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาในการปรุงแต่งแต่อย่างใด เป็นอาหารบริสุทธิ์ที่ธรรมชาติบรรจงสร้างมาให้เรา ฉะนั้นเรามาว่ากันถึงความอร่อยและมีประโยชน์ของมะละกอกันเลยดีกว่า นอกจากเนื้อหวานๆ แสนอร่อยแล้ว ทุกส่วนของมะละกอยังสามารถนำมาใช้ทำยาได้ ผลการวิจัยพบว่าประโยชน์ของมะละกอมีอยู่มากมาย ตั้งแต่ช่วยต้านมะเร็ง ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี บรรเทาอาการท้องผูกซึ่งเป็นที่มาของโรคริดสีดวงทวาร ป้องกันอาการตับโต เป็นยาบำรุงหัวใจ ตับ และสมอง ประโยชน์ของมะละกอยังเผื่อแผ่ไปถึงเด็กทารกที่ดูดนมมารดาอีก เพราะช่วยกระตุ้นให้แม่มีน้ำนมมากขึ้น ป้องกันโรคนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ ป้องกันการติดเชื้อจากจุลินทรีย์ที่อยู่ภายในลำไส้ เรื่องความสวยงาม มะละกอยังมีเอนไซม์ที่ช่วยบำรุงผิวได้เป็นอย่างดี ใครอยากมีผิวหน้าเนียนขาวนุ่มชุ่มชื่นก็นำมะละกอสุกครึ่งถ้วยผสมกับน้ำผึ้งแท้ 1 ช้อน นมสดอีก 1 ช้อน ปั่นเข้าด้วยกันเป็นครีมข้น ทาให้ทั่วผิวหน้า ทิ้งไว้ 10 - 15 นาทีแล้วล้างออก เท่านี้ก็เห็นผลทันตาและทันใจทีเดียว

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552


ระวังเชื้อโรคในตู้เย็น

ตู้เย็น เป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่แทบทุกบ้านจะต้องมีไว้ใช้ เพราะตู้เย็นช่วยให้เรามีน้ำเย็น ๆ ดื่มแก้กระหาย มีน้ำแข็งไว้ให้เราดับร้อนเวลาที่อุณหภูมิพุ่งสูงปรี๊ด และประโยชน์ที่สำคัญอีกอันหนึ่งของตู้เย็นก็คือ ไว้ใช้เก็บอาหารให้ได้นานขึ้น ทั้งอาหารสดประเภทเนื้อสัตว์ และผักสดต่าง ๆ และอาหารสำเร็จรูปที่อาจยังกินไม่หมด ก็สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อยืดระยะเวลาการบูดเน่าได้ แต่บางบ้านเห็นตู้เย็นเป็นที่ขังลืม แช่ข้าวของต่าง ๆ ไว้มากมายจนหยิบออกมาใช้ไม่ทั่วถึง ผักสดบางอย่างก็เริ่มเน่าหรือราขึ้นบ้าง อาหารบางอย่างก็เริ่มเน่าเสีย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะจะทำให้เกิดแบคทีเรียร้ายในตู้เย็น หรือแบคทีเรียลิสเทอเรีย (Listeria) ที่สามารถเจริญได้ดีที่อุณหภูมิตู้เย็น โดยเฉพาะเมื่อมีการเก็บรักษาอาหารไม่ถูกวิธี ก็จะทำให้แบคทีเรียยิ่งเจริญเติบโต และหากแบคทีเรียนั้นเข้าสู่ร่างกายคนก็จะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นหากไม่อยากให้เกิดแบคทีเรียมาปนเปื้อนกับอาหารที่เรากินเข้าไป ก็จะต้องระมัดระวัง โดยหากเป็นผักสดควรเก็บไว้ประมาณ 3-4 วัน เนื้อสัตว์สดเก็บได้ประมาณ 5 วัน และหากจะนำมาประกอบอาหารก็ต้องล้างให้สะอาดก่อน ส่วนอาหารที่ปรุงสุกแล้วควรกินให้หมดไม่ควรแช่ตู้เย็น แต่ถ้าจำเป็นก็ต้องปิดฝาให้เรียบร้อยแล้วจึงนำเข้าตู้เย็น ที่สำคัญก็คือต้องทำความสะอาดตู้เย็นเป็นประจำ อย่าให้มีของเหลือค้างเป็นดีที่สุด

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

9 สูตรสมุนไพร เพื่อผิวหน้าสวย (Mother & Care)
อย่าปล่อยให้ผิวหม่นหมอง ไม่ผ่องใส เพราะขาดการใส่ใจดูแล แม้จะมีลูกด้วย ก็หาเวลาดูแลผิวหน้าให้สวยใสได้ ด้วยสูตรสมุนไพรธรรมชาติเหล่านี้ ขอกระซิบว่าปลอดภัยแท้ ๆ แม้เครื่องสำอางราคาแพงก็ยังสู้ไม่ได้ค่ะ อย่าปล่อยให้ผิวหม่นหมอง ไม่ผ่องใส เพราะขาดการใส่ใจดูแล แม้จะมีลูกด้วย ก็หาเวลาดูแลผิวหน้าให้สวยใสได้ ด้วยสูตรสมุนไพรธรรมชาติเหล่านี้ ขอกระซิบว่าปลอดภัยแท้ ๆ แม้เครื่องสำอางราคาแพงก็ยังสู้ไม่ได้ค่ะ
1. สูตรกระชับรูขุมขน ส่วนผสม น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ ผสมไข่ขาว 1 ฟอง คนให้เข้ากัน ทาทั่วหน้า เว้นรอบดวงตา นวดเบา ๆ 5 นาที แล้วทิ้งไว้ 20 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็นจัด ทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
2. สูตร ผิวเนียนนุ่ม ส่วนผสม ฝักทอง ½ ถ้วย มะละกอ ½ ก้วย ไข่ไก่ 1 ฟอง ผสมเข้ากัน ล้างหน้าให้สะอาด ชับพอหมาด นำส่วนผสมพอกให้ทั่วหน้า เว้นรอบดวงตา พอกทิ้งไว้ 20-30 นาที แล้วใช้สำลี ชุบน้ำอุ่นเช็ดออก ทำอาทิตย์ละครั้ง
3. สูตรขจัดสิวเสี้ยน ส่วนผสม มะเขือเทศ 1 ลูก สเตอเบอรี่ 5 ลูก น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้ากันทาหน้า เว้นรอบดวงตา นวดเบา ๆ บริเวณที่มีสิวเสี้ยน 10 – 15 นาที เช็ดออก ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น ทำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
4. สูตรลดความหมองคล้ำ ส่วนผสม มะเขือเทศ 1 ลูก น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ นมสด 2 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้ากันทาทั่วหน้า ขัดเบา ๆ 10-15 นาที เช็ดออก ล้างด้วยน้ำเย็น ทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
5. สูตรขจัดเชลล์ผิวเก่า ส่วนผสม บร็อกโคลีหั่นละเอียด ½ ถ้วย นมสด ½ ถ้วย ผสมเข้ากันทาทั่วหน้า เว้นรอบดวงตา ขัดเบา ๆ พอกทิ้งไว้ 20-30 นาที เช็ดออก ล้างด้วยน้ำเย็น ซับหน้าให้แห้ง ทาครีมบำรุงทับอีกครั้ง ทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
6. สูตรผิวขาว เรียบเนียน ส่วนผสม มะละกอสุกงอม 1 ถ้วย นมสด ½ ถ้วย น้ำส้มคั้น 2 ช้อนโต๊ะ ปั่นเข้ากันทาทั่วหน้า เว้นรอบตา พอกทิ้งไว้ 40-50 นาที ล้างออก ทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
7. สูตรผิวชุ่มชื้น ใสปิ๊ง ส่วนผสม วุ้นว่านหางจระเข้ 1 ถ้วย มะม่วงสุก ½ ถ้วย น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้ากันพอกหน้าบาง ๆ ก่อนเข้านอน ทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นตอนเช้า ทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
8. สูตรลดผิวแสบร้อน ส่วนผสม คั้นน้ำแตงโม ½ ถ้วย ผสมนมสด ½ ถ้วย คนเข้ากันทาทั่วผิวที่โดนแดดทิ้งไว้ 30 นาที ใช้สำลีชุบน้ำเย็นจัด เช็ดออก หรือใช้เนื้อแตงโมสดถูผิวที่โดนแดด ทิ้งไว้จนแห้งแล้วใช้น้ำเย็นล้างออกก็ได้เช่นกันค่ะ
9. สูตรผิวกระจ่างใส ส่วนผสม แอปเปิลหั่นชิ้น 1 ลูก น้ำผึ้ง 4 ช้อนโต๊ะ ปั่นเข้ากัน ทาทั่วหน้า เว้นรอบดวงตา พอกทิ้งไว้ 20-30 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำสัปดาห์ละครั้ง

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552


วิธีง่าย ๆ พิสูจน์เนื้อผ้าแท้-เทียม

วิธีการง่าย ๆ ก็เพียงลองตัดเนื้อผ้าที่เราต้องการพิสูจน์ออกมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วเผาไฟเพื่อพิสูจน์กลิ่นกับรอยไหม้ รวมไปถึงขี้เถ้า ก็สามารถพิสูจน์ได้แล้วค่ะว่า ผ้าชนิดนี้เป็นผ้าจากธรรมชาติแท้ ๆ หรือเป็นผ้าเทียมที่มีวัสดุอื่น ๆ มาผสม

Cotton (ผ้าฝ้าย) เผาไหม้เร็วเหมือนกระดาษและเศษไม้ สังเกตว่าจะมีขอบไหม้เป็นสีเหลือง ๆ เผาไหม้หมดจะเหลือเป็นขี้เถ้าสีเทาไม่มีกาก กลิ่นไหม้เหมือนใบไม้เผาไฟ

Linen (ลินิน) จุดติดยาก และเผาไหม้ช้ากว่าผ้าคอนตอน (ผ้าทอด้วยปอของต้นแฟลกส์) จุดติดไฟแล้ว ดับง่ายเหมือนกับเป่าเทียน

Silk (ผ้าไหม ไหม้เหมือนกับเศษไม้ แต่ไหม้เร็วกว่า โดยจะมีประกายไฟสีฟ้า กลิ่นเหมือนผมไหม้

Wool (ขนแกะ) เผาไหม้ยาก ติดไฟยากกว่าผ้าไหม เผาไหม้แล้วกลิ่นเหมือนผม วิธีง่าย ๆ แค่นี่แหละค่ะ เราก็สามารถพิสูจน์ได้แล้ว่า ผ้าชนิดไหนแท้หรือเทียม เพราะผ้าแต่ละชนิดใช่ว่าจะถูก ๆ ซื้อทั้งทีก็ต้องพิสูจน์กันก่อนค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552


การดูแลผิวหน้าหนาว

ลมหนาวแรกกําลังพัดมาให้เย็นชื่นใจ แสนสบายตัว แต่อย่ามัวปล่อยตัวไปกับอากาศเย็น ๆ เพราะผิวพรรณที่เคยดูแลมาตลอดอาจเสียไปง่าย ๆ โดยเฉพาะกับแสงแดดตัวร้ายที่ยังแฝงตัวอยู่กับลมหนาวตลอดเวลา งานนี้ "นพ.วัชรพงศ์ ชูศรี" แพทย์ประจําโรงพยาบาลกรุงเทพ ได้ให้คําแนะนําเรื่องการปกป้องผิวจากแสงแดดในหน้าหนาวให้สาว ๆ ได้อวดผิวสวยตลอด "การดูแลผิวหน้าหนาวนี้ นอกจากการดูแลผิวให้ชุ่มชื้นแล้ว จะต้องไม่ละเลยการปกป้องผิวจากแสงแดดเช่นเดิม ข้อเท็จจริงแล้วแสงแดดนั้นให้ทั้งคุณและโทษ ข้อดีคือ ให้ความอบอุ่นกับร่างกาย ช่วยในการมองเห็น ช่วยในการสังเคราะห์วิตามินดี แต่ควรเป็นเป็นแสงแดดอ่อน ๆ ในช่วงเช้า หากถูกแดดจัดหรือผิว สะสมแดดเป็นเวลานานโดยขาดการป้องกัน ก็จะให้ข้อเสียคือ ผิวไหม้ แดง เกิดกระ ฝ้า ริ้วรอย แก่ก่อนวัย หรือร้ายแรงถึงขั้นเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง" การป้องกันผิวจากแสงแดดง่าย ๆ คือการใช้ผลิต ภัณฑ์กันแดดที่ปกป้องทั้งรังสียูวีเอ และยูวีบี, ดูค่า SPF (Sun Protection Factor) หรือค่าที่บ่งบอกการป้องกันแดดได้ จํานวนกี่เท่าของผิวปกติ ควรเลือกที่สูงพอเหมาะกับการใช้ชีวิตและกิจกรรม เช่น ทํางานออฟฟิศ ไม่ค่อยถูกแดด เลือกประมาณ SPF 15-20 ส่วนนักกีฬาที่เล่นกลางแจ้ง เลือกประ มาณ SPF 30-50 นอกจากนี้ยังควรมีคุณสมบัติในการกันน้ำ กันเหงื่อ หรือปราศจากน้ำหอมสําหรับคนที่ผิวแพ้ง่าย ภายในผลิตภัณฑ์กัน แดดมักมีส่วนประกอบพวกสารอินทรีย์ เช่น ซิงค์ หากมีมากเกินไปก็จะทําให้ใบหน้าขาววอก และสารอนินทรีย์ เช่น น้ำมัน ซึ่งจะเคลือบอยู่บนผิว มันมากเกินไปก็อาจทําให้เกิดผื่นแพ้ เสี่ยงต่อการเกิดสิว แต่สมัยนี้มีหลายเนื้อให้เลือกทั้งแบบครีม แบบโลชั่น หรือแบบฟลูอิด ซึ่งมีน้ำมันน้อยกว่า มีความบางเบากว่า ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ นอกจากนี้ บางตัวยังมีผสมพวกวิตามินอี โปรวิตามิน บี 5 อโลเวรา ที่ช่วยบํารุงผิวพร้อมปกป้องรังสียูวีไปในตัว เพิ่มประสิทธิภาพให้ดีขึ้นมากกว่าการป้องกันแสงแดด จึงควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดให้เป็นนิสัย และหลีกเลี่ยงแสงแดดช่วงแดดจัด และปกป้องด้วยวิธีอื่นช่วย เช่น สวมใส่เสื้อผ้ามิดชิด, กางร่ม, ใส่หมวก, ใส่แว่นตากันแดด เป็นต้น

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คุณ และ โทษ ของเวบแคม
เพื่อให้ทันกับกระแสสมัยนิยม ปัจจุบันนี้ไม่มีใครที่จะหาคู่ด้วยการทำเป็นเดินชนกันแล้วเกิดรักแรกพบกันอีกต่อไป สาวๆจึงหันมาหาคู่ผ่านอินเตอร์เน็ต แต่ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นกว่าเก่าเพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะสวยเลือกได้ วันนี้ women.mthai มีอ็อปชั่นเสริมให้สวยด้วยสติปัญญามาฝากสาวๆ กัน
1.ก่อนอื่นต้องเข้าใจธรรมชาติของแสง ถ้ามันมาจากข้างบน มันต้องมีเงาตกกระทบข้างล่างเสมอ ให้น้องไปซื้อโฟมแผ่น (ชนิดเดียวกับที่ใช้ทำกระทง) มารองไว้ตรงพื้นในองศาที่กล้องมองไม่เห็นแล้วน้องจะดูสวยสง่ามาสองเท่าตัว
2.ถ้าในกรณีที่ไฟไม่ได้มาจากด้านบน องศาของแสงมาในมุมเฉียง ให้น้องเอาโฟมอีกแผ่นหนึ่ง วางต้านขนานเส้นทางของแสง (ยกเว้นว่าน้องหน้ากลม การถูกเงาบดบังหน้ากลับเป้นสิ่งดี จึงไม่จำเป็นต้องใช้โฟม)
3.ในส่วน properties ของกล้องเวปแคมจะมีการปรับค่า brightness ให้ปรับให้ขาวจนน้องสาแก่ใจ ซึ่งวิธีง่ายๆแบบนี้คนทั่วไปก็รู้ไต๋กันอยู่แล้ว หนูต้อง advance กว่านี้ ด้วยการเขียนคิ้ว เขียนตา ปัดแก้ม ทาปากให้สีเข้มกว่าเดิม และเสื้อที่ใส่ให้เลือกสีเข้ม เพื่อน้องจะได้ไม่ดูลอยซีดจางเหมือนวิญญาณผีเกอิชา
4.ถ้า background ของห้องมีสีขาวให้รีบเคลียร์ส่วนที่เป็นสีขาวนั้นออกไป เพราะถ้าปรับค่า brightness ส่วนที่เป็นวัตถุสีขาวจะหายไป ผู้ชายจะจับได้ว่าหนูปรับสีสว่างเกินจริง
5.ถ้า background เป็นสีขาวอยู่แล้ว เพราะห้องปุถุชนส่วนใหญ่จะทาสีขาว ให้หาโปสเตอร์หนังฉลาดใต้ดิน (เพราะส่วนใหญ่หนังฉลาดใต้ดินจะสีทึมๆ) มาปิดทับผนังจะช่วยให้ดูเนียนขึ้น แถมไม่พอยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้ดูเป็นคนฉลาดมีการศึกษาเข้าใจถึงแก่นแท้ศิลปะอีกด้วย
6.องศาของกล้องก็มีส่วนช่วยให้ดูดีได้ ถ้าหน้ากลมให้ตั้งกล้องไว้มุมบนแล้วกดลงมา รูปหน้าจะดูยาวขึ้น ถ้าหน้ารูปสามเหลี่ยมให้ตั้งกล้องเสยนิดๆ เพราะจะเป็นมุมสวยสุด หน้าสี่เหลี่ยมให้เอาผมปิดหู แล้วเอาโคมไฟอ่านหนังสือมาส่องตรงจุดเหนือศีรษะ เพื่อให้รูปหน้าดูเรียวยาวขึ้น ถ้าหน้าเน่าแต่หุ่นดีให้ตั้งกล้องไกลๆ เอาผมปรกๆ หน้า แต่ถ้าหน้าเน่าและหุ่นไม่ดี ให้ใช้ความงามจากภายในแลกมา โดยการอย่าเพิ่งโชว์กล้องให้คุยแบบคนดีให้ชายรู้สึกสบายใจจนไม่แคร์ที่รูปทรัพย์ วิธีนี้ได้ผลมานักต่อนักนะ เป็นเล่นไป
7.ห้ามแต่งตัวเยอะเอะอะมะเทิ่ง ไม่ควรใส่เครื่องประดับแหวนกำไลเข็มขัด แว่นตากันแดด เพราะจะดูตั้งใจสวย แล้วผู้คนจะจับได้ว่า setting ขึ้นมา
กรุ๊ปเลือดบอกนิสัยการเงิน
กรุ๊ป A
เป็นคนที่มีระเบียบในชีวิต มีความคิดเป็นระบบเหมือนลิ้นชัก มีความรับผิดชอบสูง และชอบคิดว่าเรื่องของคนอื่นคืองานของตนเอง ที่สำคัญติดหลงตัวเองนิด ๆ พอน่ารัก
นิสัยการเงิน
กรุ๊ปเอเป็นกรุ๊ปที่เก็บเงินได้เก่ง มีเงินเหลือเล็กๆ น้อย ๆ ก็เอาเข้าบัญชี แต่ทว่าเมื่อถึงคราวที่จะต้องใช้ก็มักจะเทออกมาหมดหน้าตักจนเกลี้ยงกระเป๋าเลยทีเดียว ที่สำคัญคนกรุ๊ปเอมักเชื่อว่าตนเองนั้นรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่บางทีทิฐิมานะควรเอาไปใช้ให้ถูกทางดีกว่า นอกจากนั้น เวลาช้อปปิ้ง คนกรุ๊ปเอจะมีรสนิยมสูง นิยมของแบรนด์เนม แต่เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าดูแล้วก็มักมีแต่เสื้อผ้าที่เหมือน ๆ กันไปหมด
กรุ๊ป B
สาวใสหัวใจศิลปิน เธอผู้นี้ใช้อารมณ์เหนือเหตุผลทั้งปวง แม้ว่าจะตกลงไปเที่ยวกันอย่างดิบดีแล้ว เธอก็อาจจะไม่ไปเสียดื้อ ๆ ส่วนข้อดีของเธอคือการเป็นนักสร้างสรรค์ที่หาตัวจับยาก และพูดตรงจนใคร ๆ กลัวเชียวล่ะ
นิสัยการเงิน
เนื่องจากเธอคนนี้ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ บางครั้งก็ประหยัดจนไส้กิ่วแต่บางครั้งก็ซื้อของหรูหราได้อย่างไม่เสียดายเงิน เพราะเพียงว่าเธออยากได้แค่นั่นเอง และบางครั้งก็มักทำเรื่องผิดพลาดทางการเงินง่าย ๆ ประเภทเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย (เป็นประจำ) ส่วนใหญ่จะเก็บเงินได้ดียามที่มีกฏข้อบังคับ เช่น ฝากประจำ เล่นแชร์ เป็นต้น
กรุ๊ป O
สาวคนนี้มีเพื่อนเยอะ มีความยืดหยุ่นสูงร่วมกับความโลเลบ้างในบางครั้ง ค่อนข้างจะถนอมน้ำใจคนอื่นๆ มากกว่าที่จะว่ากล่าวไปตรงๆ แต่เมื่อระเบิดแล้วใครๆ ก็ห้ามไม่อยู่
นิสัยการเงิน
คนกรุ๊ปโอไม่โผงผางออกจะเป็นคนเรื่อยๆ มากกว่า ดังนั้น เรื่องการเงินจะค่อนข้างมีระเบียบวินัยกว่ากรุ๊ปอื่น ๆ แต่มักไปเสียเงินเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น หนังสือการ์ตูน กระเป๋าย่ามใบเล็ก ๆ หรือแม้แต่กิ๊บติดผม ที่สำคัญคนกรุ๊ปนี้มักมีเงินแอบเก็บก้อนโตไว้เสมอ จึงมักไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเงินทอง
กรุ๊ป AB
เป็นสาวที่คิดอะไรไม่เหมือนใคร ชอบเอาตนเองไปผูกพันกับความรู้สึกของคนอื่น แต่มักสร้างเกราะกำบังตัวเอง ไม่ชอบเปิดใจให้แก่ใครนัก ทำให้คุณเป็นคนที่มีเพื่อนน้อย
นิสัยการเงิน
ด้วยลักษณะนิสัยที่เป็นคนคิดเยอะ เวลาใครชวนทำประกันชีวิตหรือกองทุนต่าง ๆ ก็มักปฏิเสธหรือไม่ให้คำตอบ แถมความคิดมากนั้นไม่ค่อยออกมาเป็นรูปธรรมสักเท่าไร มักคิดแล้วก็หลงลืมไปปล่อยให้เป็นปัญหาคาราคาซังอยู่อย่างนั้น แต่กรุ๊ปเอบีบางคนก็เป็นสุดยอดในการหมุนเงินที่หาตัวจับยากทีเดียว

วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552


10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี

ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก

1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง
2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี
3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว
4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ
6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล
7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%
8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย
9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด
10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552


ใช้ขวดพลาสติกเติมน้ำซ้ำๆ ระวังเชื้อโรคถามหา
เจ้าขวดพลาสติกหรือเพทที่นำมาล้างเรื่อยๆ เกิดมีรอยร้าว บุบ แตกหรือเปลี่ยนสี อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและก่อมะเร็งให้คุณได้เหมือนกัน
หลายคนหวังลดขยะขวดน้ำพลาสติกด้วยการนำขวดน้ำมาล้างและนำกลับมาเติมน้ำใหม่ พกพาไปไหนต่อไหน ไม่ต้องซื้อน้ำดื่มขวดใหม่เรื่อยๆ ทำให้ประหยัดเงินและช่วยลดภาวะโลกร้อนอีกต่างหาก แต่
เรื่องนี้นายประกาย บริบูรณ์ ผู้เชี่ยวชาญสำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ออกมาเตือนคนไทยที่นิยมนำขวดเพทมาล้างและบรรจุน้ำดื่มแช่เย็นไว้ในตู้เย็นว่า แม้ขวดเพทที่บรรจุน้ำดื่ม น้ำอัดลม หรือน้ำผลไม้จะมีความคงทนแข็งแรงกว่าขวดพลาสติกประเภทอื่นๆ แต่การนำกลับมาล้างใช้ใหม่ต้องระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการล้างทำความสะอาดขวดเพทที่มีรูปทรงหรือร่องที่เป็นลวดลายสวยงามของขวด ที่ทำความสะอาดยากและไม่สะอาดพอจะเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคอย่างดี ถ้าสังเกตว่าขวดน้ำที่ผ่านการล้างและใช้ซ้ำนานๆ มีรอยร้าว บุบ แตก มีสีที่เปลี่ยนไป ขุ่นหรือมีคราบเหลืองให้ทิ้งทันที
นอกจากนี้ยังฝากเตือนคนชอบซื้ออาหารห่อกลับบ้านถึงอันตรายจากการใช้โฟมใส่อาหาร ที่อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง เพราะโฟมใส่อาหารผลิตจากสารเคมีโพลีสไตลีน ที่ไม่ทนต่อความร้อน ถ้าผู้ประกอบอาหารไม่รองใบตองหรือถุงร้อนทั้งด้านบนและล่างโฟมก่อนวางอาหาร เมื่อถูกความมันจากอาหารสารเคมีจะละลายได้ง่ายขึ้น เมื่อรับประทานสะสมเป็นเวลานานอาจเป็นโรคมะเร็งได้
การมีใจประหยัดหรือช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมโลกก็ดีอยู่ แต่ก็อย่าลืมว่าสุขภาพตนเองก็สำคัญนะคะ

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552


ลอยกระทง วันลอยกระทง ประเพณีลอยกระทง
ลอยกระทงเป็นพิธีอย่างหนึ่งที่มักจะทำกันในคืนวันเพ็ญ เดือน ๑๒ หรือวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒ อันเป็นวันพระจันทร์เต็มดวง และเป็นช่วงที่น้ำหลากเต็มตลิ่ง โดยจะมีการนำดอกไม้ ธูป เทียนหรือสิ่งของใส่ลงในสิ่งประดิษฐ์รูปต่างๆที่ไม่จมน้ำ เช่น กระทง เรือ แพ ดอกบัว ฯลฯ แล้วนำไปลอยตามลำน้ำ โดยมีวัตถุประสงค์ และความเชื่อต่างๆกัน สำหรับในปีนี้วันลอยกระทงตรงกับวันพุธที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๑

ประเพณีลอยกระทง มิได้มีแต่ในประเทศไทยเท่านั้น ในประเทศจีน อินเดีย เขมร ลาว และพม่าก็มีการลอยกระทงคล้ายๆกับบ้านเรา จะต่างกันบ้างก็คงเป็นเรื่องรายละเอียด พิธีกรรม และความเชื่อในแต่ละท้องถิ่น แม้แต่ในบ้านเราเอง การลอยกระทงก็มาจากความเชื่อที่หลากหลายเช่นกัน

ทำไมถึง ลอยกระทง
การลอยกระทง เป็นประเพณีที่มีมาแต่โบราณ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าปฏิบัติกันมาแต่เมื่อไร เพียงแต่ท้องถิ่นแต่ละแห่งก็จะมีจุดประสงค์และความเชื่อในการลอยกระทงแตกต่างกันไป เช่น ในเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ก็จะเป็นการบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นบูชารอยพระพุทธบาท ณ หาดทรายริมฝั่งแม่น้ำนัมมทา ซึ่งปัจจุบันคือแม่น้ำเนรพุททาในอินเดีย หรือต้อนรับพระพุทธเจ้าในวันเสด็จกลับจากเทวโลกเมื่อครั้งไปโปรดพระพุทธมารดา นอกจากนี้ ก็ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อบูชาพระอุปคุตเถระที่บำเพ็ญบริกรรมคาถาในท้องทะเลลึกหรือสะดือทะเล บางแห่งก็ลอยกระทงเพื่อบูชาเทพเจ้าตามความเชื่อของตน บางแห่งก็เพื่อแสดงความขอบคุณพระแม่คงคาซึ่งเป็นแหล่งน้ำให้มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์ต่างๆ รวมทั้งขอขมาที่ได้ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงไป ส่วนบางท้องที่ก็จะทำเพื่อระลึกถึงบรรพบุรุษที่ล่วงลับ หรือเพื่อสะเดาะเคราะห์/ลอยทุกข์โศกโรคภัยต่างๆ และส่วนใหญ่ก็จะอธิษฐานขอสิ่งที่ตนปรารถนาไปด้วย

ความสวยที่มาจากน้ำผึ้ง

ใครรู้บ้างว่า... น้ำผึ้งสามารถทำให้สวยได้อย่างไร? วันนี้เกร็ดความรู้มีคำตอบมาบอก...

ก่อนอื่นต้องทดสอบก่อนว่า น้ำผึ้งที่ใช้นั้นเป็นน้ำผึ้งแท้รึเปล่า? วิธีทดสอบคือ ตั้งทิ้งไว้สักพัก ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติ จะสังเกตเห็นเกสรดอกไม้ลอยอยู่ด้านบน

หน้าแห้งแตกเป็นขุย

ใครที่มีผิวหน้าแห้งกร้าน ให้นำไข่แดง 1 ฟอง และน้ำผึ้ง 1 ช้อน ผสมให้เข้ากัน พอกหน้าทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

น้ำผึ้งสยบสิวเสี้ยนบนใบหน้า

หลังล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นแล้ว เช็ดหน้าให้แห้ง จากนั้น นำกล้วยหอมครึ่งลูกมาบดผสมกับน้ำผึ้ง นำมาทาบนใบหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพราะน้ำผึ้งมีเอนไซม์ที่ทำให้หน้าคุณชุ่มชื่นนุ่มนวลมากขึ้น และบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ได้อีกด้วย

ผมหยาบกระด้างเกินเยียวยา

หลังสระผมเสร็จ นำน้ำผึ้งผสมกับน้ำมันมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ ชโลมให้ทั่วผมแล้วทิ้งไว้ 3-5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผมจะนิ่มและเงางามดุจเส้นไหม

สครับหน้าแบบง่าย ๆ

แค่เพียงนำน้ำผึ้งผสมกับแอปเปิ้ลมาปั่นรวมกัน ทาให้ทั่วใบหน้าแล้วนวดเบา ๆ ความหยาบของแอปเปิ้ลจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าให้ออกไป ทำให้ผิวหน้าสดใสเปล่งปลั่งขึ้น

สูตรไล่ตีนกาออกจากหน้า

นำแครอท 1 หัวเล็ก มาปอกเปลือกและปั่นให้ละเอียด ผสมกับน้ำผึ้ง และนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2552


อาหารใช่แค่เพียงอร่อย แต่ยังช่วยดูแลสุขภาพคุณได้มากกว่าที่คิด และนี่คือสุดยอดอาหารสำหรับคุณ
You are What You Eat..... กินอย่างไรก็ได้ (สุขภาพ) อย่างนั้น ประโยคนี้ยังใช้ได้ผลเสมอโดยเฉพาะกับยุคนี้ที่มีอาหารปรุงแต่งมากมาย แต่ถึงอย่างไรก็คงสู้อาหารธรรมชาติไม่ได้หรอก หากเราสังเกตสุขภาพตัวเองและคนใกล้ตัวให้ดีละก็จะรู้ว่าอาหารมีผลต่อสุขภาพจริงๆ เช่น คนที่รับประทานแต่พิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ มันฝรั่งทอด หรืออาหารฟาสต์ฟู๊ด เป็นประจำมักป่วยบ่อย แต่ถ้าใครที่รับประทานผักผลไม้ เนื้อสัตว์ และปลาอย่างสม่ำเสมอโดยมีความสมดุลกัน ก็จะช่วยให้ร่งกายแข็งแรง สุขภาพดี ดังนั้น ดร.เพเตอร์ ชไลเดอร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการชาวเยอรมันจึงได้จัดลำดับอาหารที่มีประโยชน์ที่สุดต่ออวัยวะต่างๆในร่างกายดังนี้
ดวงตา- สับปะรด มีเอนไซม์มากมายที่จะช่วยผ่อนคลายสายตาหลังนั่งทำงานมาทั้งวัน- โรสแมริน ช่วยทำความสะอาดและช่วยให้เลือดไหลเวียนดีที่ดวงตา- เก๋ากี้ มีกรดอะมิโน 18 ชนิด และแร่ธาตุที่สำคัญๆเช่น สังกะสี เหล็ก ทองแดง แคลเซียม เจอร์มาเนียม ซีลีเนียม และฟอสฟอรัส นอกจากนี้ยังมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ มากมายมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงสายตา กล่อมประสาทให้หลับสบาย ช่วยลดอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืดตาลาย สายตาไม่ดี โดยเฉพาะสายตาบอดในเวลากลางคืน ฯลฯ
สมอง- ถั่ว Linsen มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเลซิติน ให้พลังงานแก่เซลล์สมองถั่วลินเซ็นมีขายตามร้านขายอาหารอินเดียและเป็นอาหารที่ชาวเยอรมันและชาวสวิตเซอร์แลนด์นิยม นำทำมาเป็นซุปรับประทานกัน- สัตว์ปีก ให้พลังงานแก่การทำงานของสมอง- ข้าวโอ๊ต ให้พลังงานสูงที่สุดสำหรับสมอง นอกจากนี้ ยังมีกรดฟีนอลที่จะช่วยในเรื่องของความทรงจำที่ดีอีกด้วย- อะโวคาโด มีวิตามินบีสูง เหมาะสำหรับคนที่มีความเครียด นอนไม่หลับหรือจิตใจว้าวุ่น- กล้วย มีฮอร์โมนสำหรับเส้นประสาทในสมอง มีน้ำตาลกลูโคส วิตามิน และเกลือแร่ในการให้ พลังงานแก่สมอง- แอพริคอต (Apricot) มีแร่ธาตุจำเป็น

ปัญหาของคนที่ซื้อรองเท้าใหม่หลายคน ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าหนัง รองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าพลาสติก ซึ่งเมื่อถูกรองเท้ากัดจะทำให้เกิดแผล และเดินไม่สะดวก จนเสียบุคลิกภาพอีกด้วย
วิธีแก้ร้องเท้ากัดก็ง่ายๆ โดยการทา ปิโตรเลียมเจล ข้างในรองเท้าคู่ใหม่ ทิ้งไว้ข้ามคืน จากนั้นเช็ดออกด้วยผ้าให้สะอาดแล้วค่อยสวมใส่ หรือทา น้ำมันมะพร้าว ด้านในรองเท้า สามคืนติดต่อกัน น้ำมันมะพร้าวจะช่วยให้รองเท้าของคุณนุ่มขึ้น หรือใครที่ไม่ชอบความมันล่ะก็ลองฝาน มันฝรั่งดิบ เป็นแผ่นๆ วางไว้ในรองเท้า โดยเฉพาะบริเวณส้นเท้า ทำซ้ำเช่นนี้สองคืน
นอกจากนี้รองเท้าคู่สวยก็อาจทำให้เรามีแผลง่ายๆ โดยการขบเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งวิธีแก้ไขก็คือ ใช้ แป้งข้าวเจ้า ผสมน้ำให้พอข้น ทาบริเวณที่โดนรองเท้ากัด ทิ้งไว้จนแห้ง จากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น เช็ดให้แห้งจะช่วยลดความเจ็บแสบลงได้ หรืออาจจะใช้ ใบสะเดา สองสามใบผสมกับ ผงขมิ้น และน้ำ บดผสมกันให้กลายเป็นครีมข้น จากนั้นนำมาทาลงบนแผลรองเท้ากัด วิธีนี้จะช่วยลดอาการเจ็บลงได้อย่างมาก อีกทั้งยังช่วยให้แผลแห้ง ส่วนผสมนี้สามารถใช้กับแผลลักษณะเดียวกันที่ส่วนอื่นของร่างกายได้เช่นกัน

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552






1. นอนหงาย กางแขนกางขา: ช่างรักอิสระเสรี อะไรขนาดนั้น ท่านอนบ่งบอก ความเป็นตัวของตัวเอง อย่างแรง รักความสะดวกสบาย รักสวยรักงาม จับจ่ายใช้สอย สุรุ่ยสุร่าย แต่ก็หาเงินเก่งพอ ๆ กัน ที่แย่หน่อยคือ ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน และสนุกกับ การตั้งสโมสร ซะด้วยซิ...




2. นอนคว่ำ ถ้านอนท่านี้ ได้ทั้งคืน ก็ให้รีบสำรวจได้แล้วว่า เป็นคน ใจคอคับแคบ หรือเปล่า มักจะเอาแต่ใจตนเองเป็นใหญ่ และต้องการให้ ใครต่อใคร ทำตามความต้องการของตัวเองอยู่เสมอๆ แถมยังเป็นคนสับเพร่า จับจดเสียด้วยนะ...รีบเปลี่ยนท่านอนซะเถอะ


3. นอนตะแคง ท่านี้ เป็นท่านอนของคนที่ มีความเชื่อมั่นในตัวเอง และไม่ว่าจะทำงานอะไร ก็มักจะก้าวไปสู่ความสำเร็จ ด้วยความอุตสาหะ มานะ พยายาม อย่างสม่ำเสมอยิ่งไปกว่านั้น ท่านว่า คนที่ชอบ นอนตะแคงขวา เหยียดแขนขวา ไปเหนือศรีษะละก็... อำนาจ วาสนา ดีนักแล... ?





4. นอนทับแขนตัวเอง คนนี้ตรงกันข้ามกับ คนนอนงอตัว ท่าที่ 7 เลย... ช่างสุภาพอ่อนโยน! จริงใจ เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก อะไรจะปานนั้น... แต่ดูเหมือน จะมีกรรมมาบัง เพราะเขาจะเป็นคนที่ ขาดความมั่นใจในตนเอง และขาดความอบอุ่นในชีวิต.. น่าสงสารนะ

5. นอนคลุมโปง เชื่อไหมว่า ภายนอก เขาคนนี้อาจจะดูผึ่งผาย น่าเชื่อถือมาก แต่ลึกลงไปแล้ว เขาขี้อาย จิตใจอ่อนแอ... เขาชอบมีความลับ และเก็บความลับเก่งด้วยนะ มีอะไร ก็จะแอบเก็บไว้ในใจ แล้วเก็บเอาไปกังวล วุ่นวายใจ วนเวียนอยู่กับปัญหานั้นคนเดียว ไม่รู้จบรู้สิ้นสักที... ไม่รู้ว่า นอนขมวดคิ้วนิ่วหน้า ด้วยรึเปล่า

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552


จับคู่ สุขภาพดี

ไข่+น้ำส้ม หลายคนอาจรับประทานอาหารเช้าคู่นี้โดยไม่รู้ว่าเป็นอาหารที่ส่งเสริมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ไม่ชอบรับประทานเนื้อสัตว์หรือเป็นมังสวิรัติ ซึ่งอาจจะไม่ได้รับธาตุเหล็กมากเท่าที่ร่างกายต้องการ แม้ว่า ผัก ถั่ว และไข่ จะเป็นอาหารที่มีธาตุเหล็กซึ่งจำเป็นต่อการเสริมสร้างเม็ดเลือด แต่ร่างกายดูดซึมเหล็กจากอาหารเหล่านี้ไปใช้ได้เพียง 2-20 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กจากเนื้อสัตว์ได้ง่ายกว่า การรับประทานอาหารที่วิตามินซีสูง เช่น น้ำส้ม จะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กจากไข่ ผัก และถั่วได้มากขึ้นถึง 6 เท่า ซึ่งมากพอจะช่วยให้ร่างกายไม่รู้สึกอ่อนเพลียเพราะโลหิตจางได้

ขมิ้น+พริกไทยดำ แกงกะหรี่ได้ชื่อว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่คนอินเดียคุ้นเคยกันดี เพราะส่วนผสมหลักคือผงขมิ้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย ผลการวิจัยชิ้นล่าสุดพบว่า ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่รับประทานเคอร์คูมินวันละ 1 กรัม ช่วยให้เซลล์สมองถูกทำลายน้ำลง อย่างไรก็ตามร่างกายดูดซึมสารเคอร์คูมินไปใช้งานได้น้อยมาก แต่ถ้ารับประทานพริกไทยดำไปพร้อมกันด้วย จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารเคอร์คูมินมากขึ้นถึง 2,000 เท่า

แฮมเบอร์เกอร์ + นมไร้ไขมัน อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น แฮมเบอร์เกอร์ เนื้อติดมัน หมูติดมัน ฯลฯ นับเป็นศัตรูตัวร้ายของสุขภาพ แต่บางครั้งบางคราวหลายคนก็อดใจไม่ได้ หรือบางทีก็จำเป็นต้องรับประทานเพราะความเร่งรีบ หากอยากลดผลกระทบจากไขมันอิ่มตัวเหล่านี้ลงบ้าง ผลการวิจัยแนะนำให้รับประทานเครื่องดื่ม หรือของหวานที่มีแคลเซี่ยมสูง เช่น นมไร้ไขมัน นมถั่วเหลือง 1 แก้ว จะช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายดูดซึมไขมันอิ่มตัวเหล่านี้

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552


แครอทขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และในทางความสวยความงาม

แครอทก็มีคุณงามความดีไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน แครอทมีวิตามินเอ และวิตามินซีสูง ซึ่งเป็นแอนตี้ออกซิแดนต์ชั้นดี จึงช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ และส่งเสริมการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงกว่าเดิม หนึ่งในวิธีใช้แครอทเพื่อความงามอย่างง่าย ๆ ก็คือ มาสก์แครอท ซึ่งมีวิธีทำแสนง่าย และไม่ต้องการส่วนผสมที่ยุ่งยาก เพียงแค่ต้มแครอทให้สุก และบดจนละเอียด ผสมน้ำผึ้งลงไปหนึ่งช้อนโต๊ะ น้ำผึ้งเป็นส่วนผสมที่ช่วยเยียวยาผิว ช่วยฆ่าเชื้อโรค และลดอาการอักเสบ คุณอาจเติมน้ำมันมะกอกลงไปหนึ่งช้อนโต๊ะก็ได้ น้ำมันมะกอกจะช่วยบำรุงผิว ทำให้นุ่มนวล ยืดหยุ่น และเปล่งปลั่ง ส่วนผู้ที่มีผิวมันสามารถเพิ่มน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อย น้ำมะนาวเป็นแอสตริงเจ้นท์ตามธรรมชาติที่ช่วยลดความมันของผิว ปริมาณของน้ำมะนาวขึ้นอยู่กับความมันของผิว ถ้าผิวคุณแห้งง่าย เติมน้ำมะนาวแค่ 8-10 หยด แต่ถ้าผิวมันมาก เติมน้ำมะนาวได้ราวหนึ่งช้อนโต๊ะ และเพื่อให้ส่วนผสมนุ่มเนียนขึ้น คุณอาจเติมน้ำแร่ลงไปเล็กน้อย แต่อย่าให้มากเกินไป หรือถ้าส่วนผสมเหลวพอแล้วก็ไม่ต้องเติมน้ำอีกก็ได้ จากนั้น ทามาสก์ลงบนผิวสะอาด ๆ ให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก แครอทมาส์กเหมาะสำหรับผิวมัน และเพื่อป้องกันริ้วรอย

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552



คุณค่าประโยชน์ของกล้วย

กล้วยอุดมด้วยน้ำตาลธรรมชาติ 3 ชนิด คือ ซูโครส ฟรุคโทส และ กลูโคส รวมกับเส้นใยและกากอาหาร กล้วยจะช่วยเสริมเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายทันทีทันใด จากงานวิจัยพบว่ากินกล้วยแค่ 2 ผล ก็สามารถเพิ่มพลังงานให้อย่างเพียงพอ กับการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ได้นานถึง 90 นาที
ประโยชน์ของกล้วยไม่ใช่เพียงแค่เพิ่มพลังงานเท่านั้น ยังช่วยเอาชนะ และป้องกันโรคต่างๆ ที่จะเกิดกับร่างกายได้อีกหลายโรคเลยค่ะ ส่วนจะช่วยป้องกันโรคใดได้บ้างนั้นราไปหาข้อมูลมาให้แล้ว ดังนี้

1. โรคโลหิตจาง ในกล้วยมีธาตุเหล็กสูงจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นการผลิตฮีโมโกลบินในเลือด และจะช่วยในกรณีที่มีสภาวะขาดกำลัง หรือภาวะโลหิตจาง
2. โรคความดันโลหิตสูง มีธาตุโปรแตสเซียมสูงสุด แต่มีปริมาณเกลือต่ำ ทำให้เป็นอาหารที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่จะช่วยความดันโลหิตมาก อย.ของอเมริกา ยินยอมให้อุตสาหกรรมการปลูกกล้วยสามารถ โฆษณาได้ว่า กล้วยเป็นผลไม้พิเศษช่วยลดอันตรายอันเกิดจากเรื่องความดันโลหิตหรือโรคเส้นเลือดฝอยแตก
3. กำลังสมอง มีงานวิจัยในกลุ่มนักเรียน 200 คน โรงเรียน Twickenham พบว่ากินกล้วยมื้ออาหารเช้า ตอนพัก และมื้ออาหารกลางวันทุกวัน เพื่อช่วยส่งเสริมกำลังของสมองในพวกเขา ได้รับผลดีจากการสอบตลอดปี ด้วยการจากงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าปริมาณโปรแตสเซียมที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในกล้วยสามารถให้นักเรียนมีการตื่นตัวในการเรียนมากขึ้น
4. โรคท้องผูก ปริมาณเส้นใยและกากอาหารที่มีอยู่ในกล้วยช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ และยังช่วยแก้ปัญหาโรคท้องผูกโดยไม่ต้องกินยาถ่ายเลย
5. โรคความซึมเศร้า จากการสำรวจ ในจำนวนผู้ที่มีความทุกข์เกิดจากความซึมเศร้าหลายคนจะมี ความรู้สึกที่ดีขึ้นมากหลังการกินกล้วย เพราะมีโปรตีนชนิดที่เรียกว่า Try Potophan เมื่อสารนี้เข้าไปในร่างกายจะ ถูกเปลี่ยนเป็น Rerotonin เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นตัวผ่อนคลายปรับปรุงอารมณ์ให้ดีขึ้นได้ คือทำให้เรารู้สึกมีความสุขเพิ่มขึ้นนั่นเอง
6. อาการเมาค้าง วิธีที่เร็วที่สุดที่จะแก้อาการเมาค้าง คือ การดื่มกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง กล้วยจะทำให้ กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไปในขณะที่นมก็ช่วย ปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา
7. อาการเสียดท้อง กล้วยมีสารลดกรดตามธรรมชาติที่มีผลต่อร่างกายของเรา ถ้าปัญหาเกี่ยวกับอาการเสียด ท้อง ลองกินกล้วยสักผล คุณจะรู้สึกผ่อนคลายจากอาการเสียดท้องได้
8. ความรู้สึกไม่สบายในตอนเช้า การกินกล้วยเป็นอาหารว่างระหว่างมื้ออาหาร จะรักษาระดับน้ำตาลในเส้นเลือดให้คงที่ เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่สบายในตอนเช้า
9. ยุงกัด ก่อนใช้ครีมทาแก้ยุงกัด ลองใช้ด้านในของเปลือกกล้วยทาบริเวณที่ถูกยุงกัด มีหลายคนพบอย่างมหัศจรรย์ว่า เปลือกกล้วยสามารถแก้เม็ดผื่นคันที่เกิดจากยุงกัดได้
10. ระบบประสาท วิธีควบคุมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือด ด้วยการกินอาหารว่างที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตสูงอย่างทุก 2 ชั่วโมง เพื่อรักษาปริมาณน้ำตาลให้คงที่ตลอดเวลา การกินกล้วยที่มีวิตามินบี 6 ซึ่งประกอบด้วยสารควบคุมระดับกลูโคสที่สามารถมีผลต่ออารมณ์ ช่วยทำให้ระบบประสาทสงบลงได้
11. โรคลำไส้เป็นแผล กล้วยเป็นอาหารที่แพทย์ใช้ควบคุม เพื่อต้านทานการเกิดโรคลำไส้เป็นแผล เพราะเนื้อของกล้วยมีความอ่อนนิ่มพอดี เป็นผลไม้ชนิดเดียวที่ทานได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคลำไส้เรื้อรัง และกล้วยยังมีสภาพเป็นกลางไม่เป็นกรด ทำให้ลดการระคายเคือง และยังไปเคลือบผนังลำไส้และกระเพาะอาหารด้วย
12. การควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ในวัฒนธรรมของหลายแห่งเห็นว่ากล้วย คือผลไม้ที่สามารถทำให้ อุณหภูมิเย็นลงได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะอุณหภูมิของอารมณ์ของคนที่เป็นแม่ที่ชอบคาดหวัง ตัวอย่างในประเทศไทย จะให้ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์รับประทานกล้วยทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่า ทารกที่เกิดมา จะมีอุณหภูมิเย็น
13. ความสับสนของอารมณ์เป็นครั้งคราว กล้วยสามารถช่วยในเรื่องของอารมณ์และความสับสนได้ เพราะในกล้วยมีสารตามธรรมชาติ Try Potophan ทำให้อารมณ์ดี
14. การสูบบุหรี่ กล้วยสามารถช่วยคนที่กำลังพยายามเลิกสูบบุหรี่ เนื่องจากในกล้วยมีปริมาณของวิตามินซี เอ บี6 และบี 12 ที่สูงมาก และยังมีโปรแตสเซียมกับแมกนีเซียม ที่ช่วยทำให้ร่างกายฟื้นคืนตัวได้เร็วอันเป็นผล จากการลดเลิกนิโคตินนั่นเอง
15. ความเครียด โปรแตสเซียมเป็นสารอาหารสำคัญ ที่ช่วยให้การเต้นของหัวใจเป็นปกติ การส่งออกซิเจน ไปยังสมอง และปรับระดับน้ำในร่างกาย เวลาเกิดอารมณ์เครียด อัตรา metabolic ในร่างกายของเราจะขึ้นสูง และทำให้ระดับโปรแตสเซียมในร่างกายของเราลดลง แต่โปรแตสเซียมที่มีอยู่สูงมากในกล้วยจะช่วยให้เกิด ความสมดุล
16. เส้นเลือดฝอยแตก จากการวิจัยที่ลงในวารสาร "The New England Journal of Medicine" การกินกล้วยเป็นประจำสามารถลดอันตรายที่เกิด
กับเส้นโลหิตแตกได้ถึง 40%

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

หินตาหินยาย




หินตา


หินตา-หินยาย เป็นโขดหินรูปร่างประหลาด อยู่บริเวณอ่าวละไม มีนิทานท้องถิ่นเล่าสืบต่อ ๆ กันมาว่า มีตายายคู่หนึ่งชื่อ ตาเครง กับ ยายเรียม เป็นชาวปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางโดยใช้เรือใบเพื่อจะไปสู่ขอลูกสาวของตาม่องล่ายกับยายยม ชาวสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้กับลูกชาย ครั้งเรือแล่นมาถึงบริเวณแหลมละไม เกิดพายุใหญ่ทำให้เรือล่ม ทั้งตาเครงและยายเรียมว่ายน้ำขึ้นที่อ่าวละไม แต่เกรงว่าฝ่ายเจ้าสาวจะหาว่าไม่ไปขอตามสัญญา จึงกลั้นใจตายอธิฐานให้ตนกลายเป็นเกาะโขดหิน เพื่อให้ฝ่ายเจ้าสาวได้รับรู้ หินตา-หินยายรูปร่างประหลาดจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตว์ของตายายคู่นี้นั้นเอง


หินยาย


หินตาหินยายเป็นโขดหินรูปร่างประหลาด โดยหินตาเป็นหินแกรนิตที่มีลักษณะเหมือนอวัยวะเพศชายที่เกิดจากการกัดเซาะโดย น้ำทะเล สายลม และแสงแดด ส่วนหินยายมีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศหญิง เกิดจากการผุกร่อนของหน้าผาชายฝั่งทะเลเนื่องจากถูกคลื่นกัดเซาะลักษณะทางธรณีวิทยา1) หินตา เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติของหินแกรนิต ที่เกิดจากการกัดเซาะโดยน้ำทะเล สายลม แสงแดด จนเกิดเป็นโขดหินรูปร่างประหลาด ลักษณะคล้ายอวัยวะเพศของชาย 2) หินยาย เป็นโพรงหินชายฝั่ง (Sea cave) โพรงที่เกิดจากการผุกร่อนของหน้าผาชายฝั่งทะเลเนื่องจากถูกคลื่นกัดเซาะ โดยปกติโพรงนี้จะอยู่ในระดับแนวน้ำทะเลหรือเหนือน้ำทะเลเล็กน้อย บางทีเรียกว่า marine cave

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

นอร์เวย์ เหตุที่เรียกดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน
นอร์เวย์ได้ชื่อ "ดินแดนอาทิตย์เที่ยงคืน" หรือ The Midnight Sun มาจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะโลกกลมและหมุนรอบแกนของตัวเอง พร้อมโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วย โดยจะเอียงแกนเอาขั้วโลกเหนือ-ใต้ สลับเข้าหาดวงอาทิตย์ชั่วระยะหนึ่งใช้เวลาเท่าๆ กันคือประมาณ 4-6 เดือน ระหว่างที่โลกหันเอาขั้วนั้นเข้าหาดวงอาทิตย์จะเป็นฤดูร้อน
เมื่อโลกเอียงเอาขั้วโลกเหนือเข้าหาดวงอาทิตย์ ขั้วโลกเหนือจะได้รับแสงสว่างและความร้อนเต็มที่ สว่างอยู่เป็นเวลา 24 ชั่วโมงติดต่อกันเป็นเวลานับเดือน จะเห็นอาทิตย์โคจรเป็นทางโค้งอยู่เหนือขอบฟ้า ขึ้นสูงพ้นยอดไม้ และค่อยลดต่ำลงจนเกือบจดขอบฟ้า แต่จะไม่ลับขอบฟ้าไปเสียเลยทีเดียว ก่อนกลับสูงขึ้นไปอีกในตอนเที่ยงคืน ทำให้มีแสงสว่างสาดเป็นทาง ต้นไม้มีเงายาวทอดออกไปตามพื้นดิน คล้ายอาทิตย์ในยามเช้าหรือยามเย็น
ขณะเดียวกัน ฝั่งตรงข้ามคือขั้วโลกใต้จะมืดมิด อากาศหนาวจัดตลอด 24 ชั่วโมงติดต่อนับเป็นเดือนเช่นกัน แต่เมื่อโลกเอียงเอาขั้วโลกใต้เข้าหาดวงอาทิตย์ ขั้วโลกใต้ก็จะสว่างเป็นเวลานาน และมีปรากฏการณ์เห็นดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงคืนเช่นกัน (เพียงแต่ว่าซีกโลกนั้นไม่มีมนุษย์อยู่อาศัยยืนยัน มีเพียงเพนกวินจักรพรรดิเท่านั้นที่เตาะแตะชมวิว) ยามขั้วโลกเหนือตกอยู่ในความมืด อากาศหนาวจัดตลอด 24 ชั่วโมงติดต่อนับเป็นเดือน
ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์เที่ยงคืน ณ โลกเหนือ จะเกิดขึ้นในบริเวณที่อยู่เหนือเส้นอาร์ติกเซอร์เคิล หรือประมาณเส้นละติจูดที่ 66 องศาเหนือ ทำให้ผู้คนในประเทศที่อยู่เหนือเส้นละติจูดนี้มองเห็นดวงอาทิตย์ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน
สำหรับนอร์เวย์ สถานที่ที่ชมตะวันยามเที่ยงคืนได้เหมาะเจาะคือเมืองทรอมโซ่ ระหว่าง 16 พฤษภาคม-27 กรกฎาคม และเมืองสวาลบอร์ด ซึ่งเป็นหมู่เกาะกลางมหาสมุทรอาร์กติก ทางตอนเหนือของแผ่นดินใหญ่นอร์เวย์ขึ้นไปอีก 640 กิโลเมตร ระหว่าง 19 เมษายน-23 สิงหาคม
นอกจากนอร์เวย์ ดินแดนที่อยู่เหนือเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล ประกอบด้วย อะลาสกา แคนาดา กรีนแลนด์ ไอซ์แลนด์ สวีเดน ฟินแลนด์ และดินแดนของรัสเซียอย่างบริเวณโนวาวา เซมล์ยา หรือมูร์มันสก์ ก็สามารถมองเห็นอาทิตย์เที่ยงคืนได้เหมือนกัน ทั้งนี้ดินแดนที่เคยมีบันทึกว่าเกิดปรากฏการณ์อาทิตย์เที่ยงคืนนานที่สุด คือทางปลายเหนือสุดของฟินแลนด์ ดวงอาทิตย์ไม่ตกดินนานถึง 73 วัน
สำหรับการจัดเวลากลางวันกลางคืน ดวงอาทิตย์ไม่สร้างความสับสน เพราะว่าไปตามนาฬิกาเป็นปกติ

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

จัดการผม...ที่จัดทรงยาก

ใครเคยเจอปัญหาเซ็ตผม จัดทรง ยังไงก็ดูไม่ได้รูป ไม่สวยอย่างตั้งใจ วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีการจัดการผมที่จัดทรงยากมาบอกกัน...
ปัญหาจัดทรงยาก ดูแห้ง ฟูกระจาย ไร้น้ำหนัก หรือผมหยิกฟูไม่ขอดสวย ให้หวีรวบขึ้นแล้วมัดหางม้าเก๋ๆ เพราะมันง่ายที่สุด เร็วที่สุด แล้วลองขยับดูว่า จะรวบม้าสูง หรือม้าต่ำ แบบไหนจะสวยที่สุด แล้วอาจจะใช้ที่คาดผมช่วยด้วยก็ได้ แต่ควรจะเลือกสีพื้นๆ อย่างสีดำ หรือสีน้ำตาล
ปัญหาปลายผมแห้ง แตก หรือหยิกชี้ เป็นฝอย เวลามัดหางม้า ก็ให้สอดปลายผมลอดยางรัดย้อนกลับเป็นมวย แล้วฉีดสเปยร์เนื้อเบา ๆ บางๆ เพื่อให้ผมอยู่ตัว เก็บผมที่ฟูให้ดูเรียบสวย
ปัญหาผมลีบลู่ ขาดความพริ้ว ดูไม่มีชีวิตชีวา แต่มีเวลาจะมาสระและก็ไ ม่ไดร์ใหม่ ให้ฉีดสเปรย์บางๆ ที่รากผม แล้วไดร์ จ่อลมไดร์เน้นเป่าโคนผมเป็นพิเศษ ผมที่ลีบจะดูหนาขึ้น แต่ต้องระวังไม่ให้สเปรย์ที่ฉีดมากเกินไป เพราะจะทำให้ผมลีบไปกันใหญ่
หาหมวกเก๋ๆ สวม หรือหาผ้าแปลกๆ โพก ในลักษณะแฟชั่นอยากเก๋รายวัน ทำตัวเก๋ ดีกว่าจะปล่อยให้ผมกระเซิงออกมาอวดสายตาชาวบ้าน
แค่นี้ปัญหาการจัดทรงผมยากก็จะหายไป ไม่เชื่อลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติดูได้

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552


ตรวจ 'ลวดดัดฟัน' สารปนเปื้อนเยอะ

เลขาธิการ อย. เผยผลตรวจสอบ "ลวดดัดฟันแฟชั่น" พบสารปนเปื้อนหลายชนิดทั้งตะกั่ว โครเมียม สารหนู เตือนวัยโจ๋ดัดฟันในร้านที่ไม่ใช่คลินิกทันตกรรม ระวังติดเชื้อถึงขั้นไตวาย หรืออาจหลุดลงคอเป็นอันตรายถึงชีวิต เตรียมเสนอคณะกรรมการเครื่องมือแพทย์ ประกาศให้เป็นเครื่องมือแพทย์ ผู้ขาย ผู้ใช้ที่ไม่ใช่แพทย์มีโทษถึงจำคุก

จากเรื่องสลดใจที่นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนขามแก่นนคร อ.เมืองขอนแก่น ไปใส่เหล็กดัดฟันที่คลินิกเถื่อนแล้วติดเชื้อในกระแสเลือดจนไทรอยด์เป็นพิษ เป็นเหตุให้เสียชีวิต ซึ่งตำรวจได้จับกุมเจ้าของร้านที่รับใส่เหล็กดัดฟัน ดำเนินคดีฐานเปิดคลินิกโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตื่นตัวถึงพิษภัยของการใส่เหล็กดัดฟันแฟชั่นที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่กวดขันธุรกิจจัดฟันแฟชั่นตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ห้ามขายสินค้าลวดดัดฟันแฟชั่น และกวดขันจับกุมคลินิกทำฟันเถื่อนนั้น

ความคืบหน้าการควบคุมลวดดัดฟันแฟชั่น เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 52 ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นพ.พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหาร และยา (อย.) เปิดเผยว่า จากกรณีเด็กนักเรียนมัธยมติด เชื้อหลังจากที่จัดฟันแฟชั่นและเสียชีวิต ซึ่ง อย.จะพิจารณาถึงความเหมาะสมว่าลวดดัดฟันแฟชั่นจะจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ด้วยหรือไม่ เพราะอุปกรณ์ดังกล่าวไม่ได้มีวัตถุ ประสงค์เพื่อการรักษา แต่ลวดสำหรับดัดฟันที่ใช้ด้านทันตกรรมประดิษฐ์โดยทันตแพทย์ เข้าข่ายเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในการประกอบวิชาชีพทันตกรรม จึงจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ตามมาตรา 4 (1) ก แห่งพระราชบัญญัติ เครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 อยู่แล้ว จึงต้องมีการตีความใหม่ และจะขอความเห็นจากทันตแพทยสภาเพื่อให้ควบคุมได้ และหากมีการควบคุมเป็นเครื่องมือแพทย์ บุคคลทั่วไปที่ไม่ใช่ทันตแพทย์ จะไม่สามารถจำหน่ายได้ ทั้งนี้ การขายลวดดัดฟันแฟชั่นปัจจุบันก็ถือว่าเป็นการกระทำผิดตามประกาศของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ด้วย

รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากการที่ อย.ได้ตรวจสอบลวดดัดฟันแฟชั่นแล้ว พบว่ามีสารปนเปื้อนหลายชนิด อาทิ ตะกั่ว พลวง ซิลิเนียม โครเมียม สารหนู และอื่นๆ หากสารเหล่านี้สะสมในร่างกายในปริมาณมากจะก่อให้เกิดผลต่อไตทำให้ไตวายอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ การใส่ลวดดัดฟันเองโดยไม่มีทันตแพทย์แนะนำวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสม อาจก่อให้เกิดอันตรายหรือผลเสียด้านสุขอนามัยของฟัน หรืออวัยวะในช่องปากตามมาอีก ประกอบกับลวดที่เป็นอุปกรณ์ยึดเกาะกับฟันเป็นลวดที่ไม่แข็งแรงเพียงพอ มีโอกาสหลุดลงคอเป็นอันตรายแก่ผู้สวมลวดดัดฟันจนถึงแก่ชีวิตได้เช่นกัน

นพ.พงศ์พันธ์กล่าวว่า หากเป็นลวดดัดฟันที่ใช้ ด้านทันตกรรมประดิษฐ์โดยทันตแพทย์ ผู้ผลิต หรือผู้นำเข้าต้องจดทะเบียนสถานประกอบการผลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์ การ นำมาจำหน่ายในประเทศต้องมีหนังสือรับรองการขาย หนังสือรับรองมาตรฐานวิธีการที่ดีในการ ผลิต (GMP) อย่างไรก็ตาม ลวดดัดฟันจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ทั่วไปที่ต้องขออนุญาตนำเข้าจาก อย. และต้องมีมาตรฐานตามกำหนด หากลักลอบผลิตหรือนำเข้าโดยไม่ ได้รับอนุญาตจาก อย. ถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย มีความผิดใน 2 กรณี คือกรณีไม่จดทะเบียนสถานประกอบการ ผลิตหรือนำเข้า จะมีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีการนำเข้าโดยไม่มีหนังสือรับรองประกอบการนำเข้าเครื่องมือแพทย์ มีโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวย้ำว่า อยากขอเตือนวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา ที่นิยมการดัดฟันตามแฟชั่น อย่าหลงเชื่อร้านดัดฟันแฟชั่นที่เปิดให้บริการเกลื่อนอยู่ในขณะนี้ เพราะจากการตรวจสอบพบว่าร้านจัดฟันแฟชั่นเหล่านี้ผู้ที่ให้บริการมิใช่ทันตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ด้านนี้โดยเฉพาะ ที่สำคัญวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาใช้มักไม่ได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นลวดที่ใช้ในการดัดฟัน ซึ่งส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นลวดสเตนเลส หรือเป็นลวดที่ร้อยดอกไม้ และบางร้านมีการใส่ลูกปัดหลากสี พลาสติกยาง หรือกากเพชร ซึ่งมีสารปลอมปนไม่ปลอดภัย


‘น้ำส้ม’ ทำลายเคลือบฟัน

การดื่มน้ำผลไม้ที่มีกรดสูงเช่น น้ำส้มทำลายเคลือบฟันได้ ดร.หยันฟางเหริน จาก สถาบันสุขภาพปากอีสต์แมน สหรัฐอเมริกา การศึกษาฟันโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ vertical scanning microscope ดูพื้นผิวฟันของผู้ดื่มน้ำผลไม้ เช่น น้ำส้ม และพบว่า กรดในน้ำส้มทำลายสารเคลือบฟันที่ทำให้ฟันแข็งแรงลงได้ถึง 84% เนื่องจากกรดนั้นแรงมาก

เป็นที่ทราบกันดีว่าน้ำผลไม้ที่มีกรดสูง น้ำดื่มประเภทเกลือแร่และน้ำอัดลม มีกรดอยู่ในน้ำนั้น แต่การศึกษาครั้งก่อนๆ ไม่คิดว่าน้ำส้มจะทำลายสารเคลือบฟันได้มากเช่นนี้ และพบว่า ผู้ที่ค่อยๆ จิบน้ำส้มนาน 20 นาทีฟันกร่อนกว่าผู้ที่ดื่มน้ำส้มรวดเดียว

ดร.เหรินยังชี้ว่า ผลิตภัณฑ์ที่ฟอกฟันให้ขาวและมีไฮโดรเจน เพอร็อกไซด์ประมาณ 6% ส่งผลร้ายต่อสารเคลือบฟันเช่นเดียวกับการดื่มน้ำส้ม ส่วนการรักษาสุขภาพฟันที่ดีที่สุดคือแปรงฟันวันละ 2 ครั้งด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ระวัง...กับดักความอ้วนในเครื่องดื่ม




เพราะทุกแคลอรีมีความหมายในการลดน้ำหนัก การมองข้ามแคลอรีที่แฝงอยู่ในเครื่องดื่มแก้วโปรด จึงเป็นหลุมพรางใหญ่ที่ผู้หญิงหลายคนทำพลาด

กฎข้อแรกของคนควบคุมน้ำหนัก ต้องเลือกทานอาหารแคลอรีต่ำ แต่ให้คุณค่าทางอาหารและวิตามินแร่ธาตุสูง รวมทั้งต้องดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำแร่เยอะๆ และห้ามดื่มอะไรที่มีแคลอรีแฝง เพราะเมื่อใดที่ร่างกายเริ่มได้แคลอรีจากของเหลว โอกาสที่จะคุมน้ำหนักไม่อยู่มีสูงมาก


ที่สำคัญอีกประการก็คือ เครื่องดื่มแฝงแคลอรีมักให้พลังงานอย่างรวดเร็ว หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ มีค่าดัชนีไกลซีมิกสูง (Glycemic Index ดัชนีในการปลดปล่อยหรือเพิ่มระดับกลูโคสในเลือด ถ้าสูงก็เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดเร็ว) ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อสุขภาพนัก การกินอาหารที่ให้แคลอรีต่อเนื่องอย่างช้าๆ จะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงกลับไปกลับมา อันจะเอื้อผลดีต่อสุขภาพ และช่วยให้ผู้ควบคุมน้ำหนักสามารถควบคุมปริมาณแคลอรีที่รับประทานได้ดีกว่า


แอลกอฮอล์ ผู้หญิงสามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้วันละ 0.5-1 แก้ว ส่วนผู้ชายวันละ 1-2 แก้ว นี่คือ ปริมาณการดื่มที่จะช่วยชะลอภาวะชราของหลอดเลือด เพราะแอลกอฮอล์จะช่วยลดอัตราที่เกล็ดเลือดจะเกาะติดกันให้ช้ากว่าปกติ แต่ผู้ดื่มจะได้ประโยชน์ดังกล่าวจากแอลกอฮอล์ต้องอยู่ในวัยที่มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจสูงขึ้น ซึ่งเป็นช่วยที่ผู้หญิงเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนและผู้ชายหลังอายุ 35 ปี

น้ำมะเขือเทศ น้ำผลไม้มักมีการแยกกากและปอกเปลือก จึงเหลือแต่น้ำตาล และขาดคุณค่าทางอาหารซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในเปลือก การกินผักและผลไม้สดทั้งผลจะให้คุณค่าผิดกันเยอะ ยกเว้นก็แต่น้ำส้มและน้ำมะเขือเทศ ซึ่งแม้แคลอรีจะสูง แต่ก็มีโฟลิก แอซิดและวิตามินซีสูง ยิ่งมะเขือเทศควรกินทั้งน้ำทั้งเปลือกทุกวันจะช่วยให้ผู้หญิงอ่อนเยาว์กว่าอายุจริง 0.8 ปี

กาแฟ การดื่มกาแฟจะช่วยกระตุ้นระดับอินซูลินให้แปรปรวน นักโภชนาการกลุ่มหนึ่งจึงไม่แนะนำให้ดื่ม แต่ผลการวิจัยล่าสุดของออสเตรเลียพิสูจน์ว่า กาเฟอืน 94 มิลลิกรัม ในกาแฟหนึ่งแก้วจะช่วยให้ประสิทธภาพทางกีฬาสูงขึ้น 3% ทั้งยังมีการเผาผลาญไขมันมากขึ้น กาเฟอืนกระตุ้นให้กล้ามเนื้อใช้ไขมันเป็นพลังงานร่วมกับน้ำตาลจากคาร์โบไฮเดรต ช่วยให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น ผู้ที่ควบคุมน้ำหนักฟังแล้วสุดแฮปปี้



ดื่มนมมากเกินไป ร่างกายขับออก




ดื่มนมมากเกิน ร่างกายขับออกไม่ดีต่อกระดูก

ศ.เกียรติคุณ น.พ.เสก อักษรานุเคราะห์ ประธานมูลนิธิโรคกระดูกพรุน กล่าวว่า โรคกระดูกพรุนเป็นภัยเงียบที่พบมากในผู้สูงอายุ และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะผู้สูงอายุในไทยเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับการรับรู้ข้อมูลข่าวสารไม่เพียงพอ โดยเฉพาะข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดื่มนม เพื่อป้องกันภาวะกระดูกพรุน


แม้ว่าแคลเซียมในนมจะมีประสิทธิภาพสูง ในการยับยั้งการสลายตัวของมวลกระดูก แต่การดื่มนมเพื่อยับยั้งการสลายกระดูก จะต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม


"แคลเซียมจากนมต้องได้มาจากการดื่มนมไม่เกิน 500 มิลลิลิตรต่อวัน ซึ่งจะได้ปริมาณแคลเซียม 500 มิลลิกรัม เพราะในน้ำนมประกอบด้วยแคลเซียม 3 ส่วนและฟอสฟอรัส 2 ส่วน หากดื่มนมมากกว่า 500 มิลลิลิตร ร่างกายก็จะได้รับปริมาณฟอสฟอรัสมากเกินจำเป็น ซึ่งจะกระตุ้นต่อมพาราไทรอยด์ให้หลั่งฮอร์โมนออกมาสลายกระดูก จนเป็นเหตุให้มวลหรือเนื้อกระดูกบางลง" ประธานมูลนิธิโรคกระดูกพรุน กล่าว


อย่างไรก็ตาม ความต้องการแคลเซียมในแต่ละช่วงอายุจะแตกต่างกัน โดยเฉลี่ยต่อวันเด็กควรได้รับ 600 มิลลิกรัม วัยรุ่น 1,000-1,500 มิลลิกรัม วัยผู้ใหญ่ 800-1,000 มิลลิกรัม ขณะที่หญิงมีครรภ์ต้องการ 1,500 มิลลิกรัม และผู้ใหญ่วัยทอง 1,500-2,000 มิลลิกรัม


"เมื่อร่างกายสามารถรับแคลเซียมจากนมได้เพียง 500 มิลลิกรัมต่อวัน ปริมาณแคลเซียมที่ยังขาดไปนั้น สามารถหาทดแทนได้จากอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น ปลาเล็กปลาน้อย ปลาป่น กุ้งแห้ง กะปิ และปลาร้าสุก เป็นต้น รวมทั้งการออกกำลังกายกลางแจ้ง เพื่อรับวิตามินดีจากแสงแดด ซึ่งจะสังเคราะห์กลายเป็นแคลเซียม และออกกำลังกายที่เน้นเพิ่มมวลกระดูก งดเครื่องดื่มกาเฟอีนและแอลกอฮอล์" ศ.เกียรติคุณ น.พ.เสก แนะนำ


ส่วนผู้ที่ไม่สามารถดื่มนม ก็จำเป็นต้องหาแคลเซียมเสริมในรูปแบบอื่นทดแทน แคลเซียมในรูปแบบเคี้ยวดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีสุด โดยต้องเคี้ยวให้ละเอียดไปพร้อมกับอาหาร เพื่อให้น้ำย่อยได้ละลายแคลเซียมมากที่สุด

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เสี่ยงโรคความดันสูง



เตือนกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบ่อยเสี่ยงโรคความดันสูง
จากการศึกษาของสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าส่วนประกอบของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่วนใหญ่ร้อยละ 60 - 70 เป็นแป้งสาลี รองลงมาเป็นไขมันในเครื่องปรุง ร้อยละ 15 - 20 ที่เหลือร้อยละ 5 - 6 เป็นเกลือและผงชูรส ซึ่งจัดเป็นเกลือโซเดียมอยู่ในเครื่องปรุง โดยหากกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่า 1 ซองหรือ 1 ถ้วยต่อวัน จะทำให้ร่างกายได้ปริมาณโซเดียมเกินความต้องการของร่างกายต่อวัน ร้อยละ 50 - 100 ซึ่งจะส่งผลต่อระบบการทำงานของไต และเสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันโลหิตสูงได้
ในยุคเร่งรีบรวมทั้งผู้ที่มีรายได้น้อย การกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถ้ากินเป็น กินถูก ก็จะเกิดประโยชน์ได้ โดยก่อนซื้อทุกครั้งต้องอ่านฉลาก ควรเลือกซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่บนฉลากระบุว่าเติมสารไอโอดีน ธาตุเหล็ก และวิตามินเอ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งเสริมให้เติมลงไปในเครื่องปรุง และไม่ควรกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบดิบๆ เพราะเส้นบะหมี่จะพองตัวในกระเพาะเกิดการจุกแน่นท้องได้
และที่สำคัญคือเพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน ควรเติมไข่หรือเนื้อสัตว์ และผักลงไปทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมและไขมันเกิน อาจเติมเครื่องปรุงเพียงครึ่งซองหรือน้อยกว่านั้นก็ได้ ทางที่ดีไม่ควรกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปติดต่อกันเป็นประจำนานๆ ซึ่งถือว่ากินซ้ำซาก จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนหรือได้รับอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไป มีอาหารไทยที่เป็นอาหารจานด่วนและมีสารอาหารครบ 5 หมู่ สามารถกินทดแทนและกินสลับกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เช่น ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ ขนมจีน ข้าวผัด แม้จะแพงกว่าเล็กน้อยแต่เพื่อสุขภาพที่ดีก็ต้องทำ

7 ถนอมเล็บ



วิธีดูแลปกป้องรักษาทะนุถนอมเล็บมี 7 ข้อมาให้คุณๆ ที่รักเล็บมาปฏิบัติกันนะค่ะ
1. อย่าล้างมือบ่อยเกินไป หลังล้างมือแล้ว เช็ดให้แห้ง เป่าลมร้อนช่วยด้วยจะยิ่งทำให้เล็บแห้งได้สนิท ทาโลชั่นที่บำรุงมือและเล็บโดยเฉพาะ (Hand and nail) อย่างสม่ำเสมอ
2. เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการตัดเล็บ ถ้าจำเป็นต้องล้างจาน ซักผ้า ถูบ้าน เพราะเล็บจะมีความอ่อนนุ่ม ทำให้ง่ายต่อการตัดแต่ง แต่ถ้าหากไม่รอหลังอาบน้ำให้แช่เล็บในน้ำอุ่น สัก 5 นาทีก่อนตัดเล็บ
3. พยายามทาสีเล็บให้น้อยลงเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เล็บได้พักผ่อน หลีกเลี่ยงการเพ้นท์สีเล็บที่อาจจะมีสารเคมีทำลายเนื้อเล็บได้ แต่ถ้าอยากจะทำควรเลือกเป็นสีทาเล็บที่มีคุณภาพ และช่วยถนอมเล็บด้วย ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทาเล็บชนิดแห้งเร็วที่มีส่วนผสมของ อะซิโตน (acetone) เพราะจะดึงความชุ่มชื้นไปจากเล็บของเรา ทำให้เล็บแห้งและลอกหลุดได้ง่าย และก่อนการทาเล็บทุกครั้ง ควรใช้น้ำยาเคลือบเล็บชนิดใสทาก่อนที่จะลงสี จะช่วยไม่ให้เล็บเสียความชุ่มชื่น และลดการสัมผัสกับสีทาเล็บโดยตรง ซึ่งอาจทำให้เล็บเหลืองได้ง่าย หลังจากนั้นเคลือบทับด้วยน้ำยาชนิดใสอีกครั้ง ก็จะช่วยให้สีทาเล็บติดทนนานยิ่งขึ้น


4. ควรหลีกเลี่ยงการทำเล็บบ่อยๆ ที่ร้านเสริมสวย เพราะช่างมักจะแคะเล็ม ตัดจมูกเล็บให้เสียหาย และการขูดผิวเล็บเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวทำให้เล็บเงางามขึ้น ผิวเล็บเรียบ และดูมีสุขภาพดีขึ้น โดยใช้อุปกรณ์ขูดลอกหน้าเล็บ ดันจากปลายเล็บเข้าหาโคนเล็บ หลังจากนั้น ใช้แผ่นขัดเล็บ ซึ่งคล้ายกระดาษทราย ขัดหน้าเล็บเบา เพื่อให้ผิวหน้าเล็บเรียบสม่ำเสมอ แล้วใช้แผ่นขัดทำความสะอาดเล็บ ถูเบาๆ เพื่อให้ฝุ่นและเศษเล็บที่มองไม่เห็นหลุดออกไป จากนั้นใช้แผ่นขัดเงาซึ่งมีเจลาตินเคลือบอยู่ ขัดถูบนหน้าเล็บเบาๆ ก็จะได้เล็บที่เงางามดูมีสุขภาพดี การขัดเงาเล็บแต่ละครั้งจะอยู่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์


5. ตัดเล็บให้มีขนาดสั้นพอประมาณ เพราะการไว้เล็บยาวเกินไปอาจทำให้เล็บเกิดฉีกขาดได้ง่ายควรตัดให้มีความโค้งมนไปตามนิ้วมือ ส่วนเล็บเท้านั้น พยายามตัดให้เป็นเส้นตรงมากที่สุดเพื่อลดการสะสมของความสกปรกตามซอกเล็บและโอกาสเกิดเล็บขบ ไม่ควรตัดสั้นจนชิดเนื้อมากเกินไป และไม่ควรใช้วัสดุใดๆ งัดแงะขอบเล็บ จมูกเล็บ เพราะอาจเกิดบาดแผลและการอักเสบได้ และอีกสิ่งที่มาควบคู่กับการตัดเล็บก็คือการตะไบ การตะไบเล็บให้สวย ถ้าหากใช้ตะไบเล็บที่ทำจากเหล็ก ควรตะไบเล็บไปในทิศทางเดียว ไม่ควรถูกลับไปกลับมา เพราะจะทำให้เล็บเป็นเสี้ยนคมหรือฉีก แต่ถ้าใช้ตะไบเล็บที่ทำจากเซรามิคสามารถตะไบสวนทางกันได้ นอกจากนี้ การตะไบเล็บควรตะไบจากขอบเล็บเข้าหาปลายเล็บเสมอ


6. การเปลี่ยนสีเล็บบ่อยๆ มากกว่าหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ทำให้เราต้องล้างเล็บมากขึ้น และน้ำยาล้างทำความสะอาดเล็บนี่เองจะเป็นตัวกัดหน้าเล็บของเราให้กร่อน เป็นหลุมเป็นขุยได้เหมือนกัน นอกจากนี้ควรมีเวลาให้เล็บได้ว่างเว้นจากการทาสี เพราะนอกจากเล็บจะได้พักหรือฟื้นสภาพที่เสียไปแล้ว ยังเป็นโอกาสให้เราได้สังเกตความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเล็บอีกด้วย การต่อเล็บ หรือการตกแต่งประดับเล็บนั้น ควรทำโดยผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ และต้องใช้อุปกรณ์ที่สะอาด และมีคุณภาพ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการแพ้หรือการสะสมของเชื้อโรค หากชื่นชอบการต่อเล็บและตกแต่งเล็บด้วยเครื่องประดับ ต้องหมั่นสังเกตดูว่า เล็บเกิดมีจุดดำ หรือเปลี่ยนสี หรือผิดรูปหรือเปล่า


7. การล้างทำความสะอาดเล็บ ควรล้างมือและเล็บด้วยน้ำสบู่อุ่นๆ ใช้แปรงนุ่มๆ ขัดตามซอกเล็บเบาๆ และล้างออกด้วยน้ำสะอาด ชโลมด้วยครีมบำรุง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับมือและเล็บ

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552








ประโยชน์ของผลไม้


"ผลไม้" ถือเป็นอาหารที่วิเศษอย่างหนึ่ง ขนาดที่สถาบันโภชนาการแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาแนะนำให้กินผัก-ผลไม้ รวมกันในปริมาณวันละครึ่งกิโลกรัม ด้วยเหตุผลที่ว่า "ผัก-ผลไม้" เป็นแหล่งพลังงานที่ช่วย ทำให้สุขภาพแข็งแรง และปราศจากโรคภัยไข้เจ็บนั่นเอง

** ทำความรู้จักผลไม้ ผลไม้เป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ประกอบไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลายอย่าง ได้แก่ แป้งและน้ำตาลที่ให้พลังงาน วิตามิน แร่ธาตุ ที่ช่วยในกระบวนการปฏิกิริยา เคมีของร่างกาย (Metabolism) ใยอาหารช่วย การขับถ่าย ช่วยลดคอเลสเตอรอล และมีสารป้องกันมะเร็ง ผลไม้โดยส่วนมากมีปริมาณไขมันต่ำ บาง ชนิดมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบบ้าง แต่ไม่มาก นัก การกินผลไม้จึงได้คุณค่าสารอาหาร อาทิเช่น การกินมะม่วงดิบ 200 กรัม จะให้พลังงาน 62 กิโลแคลอรี + ใยอาหาร 6 กรัม + โปแตสเซียม + ฟอสฟอรัส + แคลเซียม + วิตามิน C + โปรตีน และไขมันน้อยมาก และแร่ธาตุอื่นๆ


** ประโยชน์ของผลไม้ วิตามินในผลไม้ ถือเป็นตัวช่วยในกระบวน การเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นพลังงาน หากเราขาด วิตามิน ร่างกายจะขาดพลังงานไปด้วยเช่นกัน ทั้งๆ ที่มีน้ำตาลในเซลล์ การขาดวิตามิน ทำให้ร่างกายเกิดอาการเช่นเดียวกับ "ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ" เป็นผลให้ร่างกายเรียกร้องให้กินอาหารเพิ่มขึ้น ทั้งๆ ที่สารอาหารในเซลล์ยังใช้ไม่หมด นอกจากนี้ ในผลไม้ยังมีน้ำตาล ได้แก่น้ำตาลกลูโคส ฟรุกโตส และซูโครส ซึ่งให้ปริมาณพลังงานเช่นเดียวกับน้ำตาลทราย หรือ น้ำตาลแปรรูป (Simple Carbohydrate) โดย 1 กรัมให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี แม้ว่า ผลไม้จะมีรสหวาน แต่ผลไม้มีน้ำอยู่มาก (60-96%) ทำให้น้ำตาลที่มีอยู่เจือจางลงน้ำตาลในผลไม้เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน การย่อยสลายให้เป็นกลูโคส จึงต้องใช้เวลานาน อีกทั้งเส้นใยอาหารยังช่วยชะลอการ ดูดซึมของน้ำตาล ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดมีความสม่ำเสมอ และเกิดพลังงานได้อย่างต่อเนื่อง
สับประรด


สับประรดเป็นพืชล้มลุก อายุหลายปี สูง 90-100 ซม. มีลำต้นใต้ดิน ใบเดี่ยวเรียงสลับซ้อนกันถี่มาก รอบต้นกว้าง 6.5 ซม. ยาวได้ถึง 1 เมตร ไม่มีก้านใบ ดอกออกเป็นช่อขนาดใหญ่ ออกจากกลางต้น มีดอกย่อยจำนวนมาก ผลเป็นผลรวม รูปทรงกระบอก มีตารอบผล มีใบเป็นกระจุกที่ปลายผล


ประโยชน์ต่อสุขภาพรักษาแผลเป็นหนองได้ โดยนำผลสดๆมาคั้นเอาแต่น้ำ ชโลมแผล เอนไซม์จะช่วยย่อยกัดเนื้อเยื่อ และหนองให้หลุด ยังใช้แก้ท้องผูกได้อีกด้วย โดยนำผลสดมาคั้นเอาน้ำ 1 แก้ว อาจผสมกับน้ำสุก 1 แก้ว เติมเกลือเล็กน้อย ดื่มตอนท้องว่าง หรืออาจจะใช้เหง้าสดๆ ประมาณ 200 กรัม หรือแห้ง 100 กรัม ต้มน้ำ 2 แก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้งก่อนอาหาร ครั้งละ 1 ถ้วยชา นอกจากนี้สับประรดยังสามารถแก้ปัสสาวะไม่ออก และช่วยย่อยอาหารได้ดีอีกด้วย

ส้มโอ
ส้มโอมีประโยซน์ตั้งแต่เปลีอกใช้เชื่อมเป็นขนมหวาน เช่นหวัดเพชรบุรี ทำเปลือกส้มโอเชื่อมจนเป็นสินค้าพื้นเมือง ไปขายไกลๆ ส่วนเนื้อที่เปรี้ยวใช้ประกอบกับข้าวยำทางภาคใต้ เนื้อหวานอมเปรี้ยวใช้ทำส้มโอลอยแก้ว ส่วนเนื้อหวานใช้ รับประทานเป็นผลไม้สด


เงาะ
เปลือกผลเงาะนำมาต้มกินน้ำ เป็นยาแก้อักเสบ มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย รักษาอาการอักเสบในช่องปาก และโรคบิดท้องร่วง มีข้อควรระวังอย่าหนึ่งคือเม็ดในของเงาะ มีพิษ แม้ว่าจะเอาไปคั่วจนสุกแล้ว แต่ถ้ากินมากเกินไปจะมีอาการปวดท้อง เวียนศรีษะมีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ดังนั้นเม็ดเราไม่ควรจะรับประทาน
ส้ม


ส้มเขียวหวานที่นิยมปลูกในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์บางมด ผลกลมแป้นเล็กน้อย ก้นผลเรียบถึงเว้าเล็กน้อย ผิวมีสีเขียวอมเหลือง ผิวเรียบสม่ำเสมอ เปลือกบางล่อน ปอกง่าย กลีบแยกออกจากกันง่าย มีประมาณ 11 กลีบ ฝนังกลีบบางมีรกน้อย ฉ่ำน้ำ เนื้อผลสีส้ม รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย

ประโยชน์ต่อสุขภาพแหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรมชาติ การรับประทานส้มโดยไม่คายกากจะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียว นอกจากนี้ หากรู้สึกหิวก่อนเวลา แทนที่จะนึกถึงเค็กก้อนโต หรือโดนัทชิ้นใหญ่ ให้ลองหยิบส้มสักลูกเข้าปากแทนจะได้ประโยชน์มากกว่าในราคาที่ถูกกว่า ผิวส้มมีน้ำมันหอมระเหย วิตามินซี และสารอื่นๆ ใช้เป็นยา ผิวผลใช้สกัดทำทิงเจอร์สำหรับแต่งกลิ่นยา และมีฤทธิ์ขับลม เปลือกส้ม ปรุงเป็นยาหอมแก้ลมวิงเวียน หน้ามืด ตาลาย แก้ลมจุกเสียด แน่นเฟ้อ น้ำจากผล ให้วิตามินซี รับประทานป้องกัน และรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน บำรุงร่างกาย แก้ไอ และขับเสมหะ


มะละกอ
มะละกอเป็นไม้ผลล้มลุกขนาดกลาง ความสูงระหว่าง 5-20 ฟุต ลำต้นอวบน้ำ มะละกอเป็นพืชปลูกง่ายโตเร็ว ให้ผลเร็ว ใฟ้ผลตลอดปี โดยทั่วไปมะละกอเป็นพืชที่ไม่ค่อยมีแมลงรบกวน และปลูกได้ดี่ในดินทั่วไป แต่ต้องเป็นดินที่มีการระบายน้ำได้ดี น้ำไม่ขังแฉะ และมีอินทรีย์วัตถุมากพอสมควร
ประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นไม้ผลที่คนทั่วไปนิยมรับประทาน ผลดิบนำมาปรุงอาหาร และผลสุกรับประทานสด น้ำมีรสหวานหอม มีวิตามินเอ และแคลเซี่ยมสูง มะละกอผลดิบมียาง มีสารเพคติน แคลเซี่ยม วิตามินซี และอื่นๆ ผลสุก มีวิตามินเอสูง วิตามินซี สารเพคติน เหล็ก แคลเซี่ยม และมีสาร Cerotenoid เป็นสารที่ทำให้เนื้อมะละกอสุกมีสีส้ม ต้นมะละกอ ใช้เป็นยาขับประจำเดือน ลดไข้ ดอก ขับปัสสาวะ ราก แก้กลากเกลื้อน ยาง ช่วยกัดแผล รักษาตาปลา หูด ฆ่าพยายธิ

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2552



ประเพณีของไทย
ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ

เป็นประเพณีประจำเมืองนครศรีธรรมราชอีกประเพณีหนึ่ง
ซึ่งจะจัดขึ้นปีละ 2 ครั้งคือในวันมาฆบูชาและวันวิสาขบูชา
โดยชาวนครศรีธรรมราช จะร่วมแรงร่วมใจกันบริจาคทรัพย์สินเงินทองตามกำลัง
ศรัทธา แล้วรวบรวมเงินจำนวนนั้นไปซื้อผ้าเป็นชิ้นๆ ซึ่งมักจะเป็นสีเหลือง สีขาว หรือสีแดง
แล้วนำมาเย็บต่อกันเข้าเป็นแถบยาว

นับเป็นพันๆ หลา จากนั้นก็จะพากันแห่ผ้าดังกล่าวไปยัง วัดพระมหาธาตุมหาวิหาร โดยแห่ทักษิณาวรรตรอบองค์ พระธาตุ 3 รอบ แล้วจึงนำเข้าสู่วิหารพระม้าหรือพระ ทรงม้า ซึ่งเป็นพระวิหารที่มีบันไดขึ้นสู่ภายในกำแพงแก้ว ล้อมฐานพระบรมธาตุ เพื่อนำผ้านั้นไปพันโอบรอบฐาน องค์พระบรมธาตุเจดีย์ ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของ
พระพุทธเจ้าเป็นการถวายสักการะอย่างหนึ่งประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุหรือพระธาตุเมืองนครศรี ธรรมราชนับเป็นประเพณีที่รวบรวมเอาศรัทธาของพุทธศาสนิกชนมาหล่อหลอมแสดงความเป็น เป็นปึกแผ่นในศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างไม่
เสื่อมคลาย








บุญบั้งไฟ

เป็นประเพณีประจำปีของชาวภาคอีสาน ที่สืบเนื่องมาจากพิธีการขอฝนของพญาแถน หรือเทวดา โดยจัดพิธีจุดบั้งไฟเพื่อให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อหลังเทศกาลสงกรานต์ราวเดือน 6 ของทุกปีหากแต่ชาวยโสธรโดยเฉพาะชาวคุ้มบ้านต่างๆ ในเขตอำเภอเมือง ร่วมแรงร่วมใจทำให้ประเพณีบุญบั้งไฟของเมืองยโสธรเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน และเป็นประเพณีที่สำคัญของประเทศ ตำนานของประเพณีบุญบั้งไฟ ประกอบด้วยนิทานปรัมปรา 2 เรื่อง คือ เรื่องท้าว
ผาแดงและนางไอ่และนิทานเรื่องพญาแถนและพญาคันคาก (คางคก) เรื่องพญาแถนนั้น
กล่าวว่า ครั้งหนึ่งพระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นคางคก อาศัยอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ครั้งนั้นพญาแถน
เทพผู้เป็นใหญ่ที่สุดในท้องฟ้า ผู้ดลบันดาลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล เกิดพิโรธทำสงครามกับ
ชาวโลกและบันดาลให้ฝนไม่ตกเลย 7 ปี 7 เดือน ชาวโลกได้รับความเดือดร้อนส่งใครไปรบก็
พ่ายแพ้กลับมากลับมาหมดชาวโลกพากันหนีพญาแถนมาที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่พญาคางคกอาศัย
อยู่ในที่สุดพญาคางคกได้รวมพลังสัตว์โลก ไปรบกับพญาแถน ปลวกได้ก่อจอมปลวกขึ้นไปถึง
สวรรค์ มอดไม้ไปเจาะด้ามอาวุธทหารพญาแถน แมลงป่อง ตะขาบ มดไปกัดไพร่พลพญาแถน
ในที่สุดพญาแถนก็พ่ายแพ้ถูกจับตัวได้ ขอทำสัญญาสงบศึก โดยมีข้อตกลงว่าหากวันใดที่ชาว
โลกยิงบั้งไฟขึ้นไปบนท้องฟ้าจะบันดาลให้ฝนตกลงมาเป็นฤดูฝน หากได้ยินกบเขียดร้องก็จะ
ทราบได้ว่า ฝนตกแล้ว หากชาวโลกเล่นว่าวเมื่อใดก็จะให้ฝนหยุดตกกลายเป็นฤดูหนาว ดังนั้น
สมัยต่อ ๆ มาเมื่อถึงเดือนหกเข้าฤดูทำนา ประชาชนจะจุดบั้งไฟสื่อสารให้พญาแถนทราบว่าถึง
เวลาที่จะบันดาลฝนให้ชาวบ้าน และจะได้เริ่มต้นฤดูการทำนากันได้



"บั้ง" แปลว่า "ไม้กระบอก" บั้งไฟเป็นดอกไม้เพลิง ทำจากกระบอกไม้ไผ่ที่อัดดินปืนเพื่อการจุดระเบิดให้พุ่งขึ้นไปในอากาศเป็นการบวงสรวงพญาแถนโดยมีขนาดที่นิยมอยู่ 3 ขนาดคือ"บั้งไฟธรรมดา"บรรจุดินปืนไม่เกิน 12 กิโลกรัม"บั้งไฟหมื่น"บรรจุดินปืนเกิน 12 กิโลกรัม"บั้งไฟแสน"บรรจุดินปืนถึงขนาด120 กิโลกรัมถ้าบั้งไฟขึ้นสูงก็แปลว่าฝนฟ้า ข้าวปลา อาหารจะอุดมสมบูรณ์ดีก็จะพากันเลี้ยงฉลองรื่นเริงกันในหมู่ผู้ที่ไม่ร่วมงาน ถ้าบั้งไฟแตกหรือไม่ขึ้นก็หมายความว่าฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาลเป็นต้นในวันแรกของเทศกาลหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "วันโฮม" จะมีการนำเอาบั้งไฟออกมาแห่แหน
ตามเมืองกันก่อน จนกระทั่งวันที่ 2 ถึงจะนำบั้งไฟไปจุดกันกลางทุ่งนา โดยเฉพาะที่จุดบั้งไฟ
ต้องทำเป็นพะองพาดขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่สูงประมาณ 30 เมตร แล้วจุดชนวนให้ดินปืนเกิด
การระเบิด ปัจจุบันได้มีการประกวดความสวยงามและความสูงของบั้งไฟที่จุดขึ้นไปบนท้องฟ้า
และหากบั้งไฟอันไหนไม่ยอมพุ่งขึ้นเพราะดินปืนด้านเจ้าของบั้งไฟก็จะถูกจับโยนลงในโคลนตม
กลางทุ่งนาเป็นการทำโทษ ประเพณีการเล่นบั้งไฟที่นิยมกันมากเวลานี้คือยโสธร



พิธีแรกนาขวัญ

หรือ"พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ" เป็นพระราช
ประเพณีสำคัญ ที่ทำเพื่อเสริมสร้างให้เกิดขวัญและกำลังใจแก่เกษตรกรของชาติ "จรด
พระนังคัล" แปลว่า จดไถหรือแรกไถ เป็นประเพณี โบราณที่พระเจ้าแผ่นดินทรงทำพิธี
ไถนาเองส่วนพระมเหสีเลี้ยงไหม เพื่อเป็นตัวอย่างแก่ประชาชน
พระราชพิธีแรกนาขวัญ หรือที่เรียกกันว่า "พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัล
แรกนาขวัญ" พระราช พิธีสองพิธีต่อเนื่องกัน คือ พระราชพิธีพืชมงคลเป็นพิธีสงฆ์ ประกอบ
พิธีในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตตนศาสดาราม ส่วนพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญซึ่ง
เป็นพิธีพราหมณ์ มาเริ่มพิธีสงฆ์ในสมัยรัชกาลที่ 4
ความหมายของพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญก็เพื่อต้องการให้พืช
พันธุ์ธัญญาหารในพระราชอาณาจักรอุดมสมบูรณ์ตลอดฤดูกาลที่ทำการเพาะปลูกในสมัยสุโขทัย
นั้นพระมหากษัตริย์จะเสด็จเป็นองค์ ประธานในพระราชพิธีทุกครั้ง ครั้นถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา
พระมหากษัตริย์ทรงกระทำเหมือนสมัยสุโขทัย แต่จะมอบอาญาสิทธิ์และทรงจำศีลอย่างเงียบๆ
เป็นเวลา 3 วันพอถึงสมัยรัตนโกสินทร์ในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีพิธีสงฆ์เพิ่มขึ้น
สำหรับพระราชพิธีในปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเป็นประธานในพิธี โดยผู้ที่ทำ
หน้าที่พระยาแรกนาก็คือปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่วนเทพีคู่หาบเงินและทองที่ทำหน้าที่
หาบเมล็ดพันธุ์ข้าวให้พระยาแรกนาหว่านในแปลงนาที่ท้องสนามหลวงจะเป็นข้าราชการหญิงใน
กระทรวงเกษตรนั่นเอง
พิธีอย่างย่อๆ ในการแรกนา จะเริ่มด้วยกระบวนพระยาแรกนาในชุดเครื่องสูงจะทำ
พิธีเสี่ยงผ้านุ่ง ถ้าจับได้ผ้ากว้าง มีคำนายว่าน้ำจะมาก ถ้าจับได้ผ้าผืนกลางก็ทายว่าน้ำพอดีหาก
จับได้ผ้าผืนแคบทายว่าน้ำจะน้อย จากนั้นพราหมณ์จะมอบไถเทียมพระโคคู่ให้พระยาแรกนา
ลงมือไถ โดยเริ่มไถรี 3 รอบ ไถแปร 3 รอบ และไถดะ 3 รอบ ในระหว่างนั้น พระยาแรกนาจะ
หยิบเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานในหาบที่เทพีคู่หาบเงินและทองนำมาให้หว่าน แล้วไถกลบอีก 1
รอบ จากนั้นพราหมณ์จะให้พระโคเสี่ยงทายด้วยของกิน 7 อย่างมีข้าวเปลือก ข้าวโพด ถั่ว งา
เหล้า น้ำและหญ้า พระโคกินอะไร ก็ทายว่าสิ่งนั้นจะสมบูรณ์
หลังจากเสร็จพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานรางวัลแก่เกษตรกรและ
กลุ่มเกษตรกรดีเด่นที่ชนะการประกวดพันธุ์ข้าวเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ หลังจากเสด็จพระราช
ดำเนินกลับแล้ว ก็จะเปิดโอกาสให้เกษตรกรและประชาชนที่มาร่วมพิธีเข้ามาเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวที่
หว่านไว้เป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและอาชีพของตนเองต่อไป
กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏบัติในวันพืชมงคล
๑. ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการ
๒. จัดนิทรรศการ แสดงประวัติความเป็นมา และความสำคัญของวัชพืชมงคลรวมทั้ง
พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
ประเพณี "ฮีตสิบสอง คองสิบสี่"
เป็นประเพณีงานบุญท้องถิ่นของชาวจังหวัดเลย
คำว่า "ฮีตสิบสอง"หมายถึง งานประเพณีสิบสองเดือน เช่น งานบุญเดือนอ้าย คืองานบุญเข้า
กรรม, เดือนยี่ คืองานบุญคูณลาน, เดือนสาม คืองานบุญข้าวจี่, เดือนสี่ คือ งานบุญพระเวส
(หรือผะเหวด), เดือนห้า คืองานบุญสงกรานต์, เดือนหก คืองานบุญบั้งไฟ, เดือนเจ็ด คืองาน
บุญข้าวประดับดิน, เดือนแปด คืองานบุญเข้าพรรษา, เดือนเก้า คืองานบุญข้าวประดับดิน,
เดือนสิบ คืองานบุญข้าวสาก หรือบุญสลากภัต และเดือนสิบสอง คืองานบุญกฐินส่วน "คอง
สิบสี่" หมายถึงหลักทำนองคลองธรรมที่คนในสังคมพึงปฏิบัติต่อกันเพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่าง
สงบสุข เช่น หลักที่เจ้านายผู้ปกครองพึงปฏิบัติต่อราษฎร, หลักปฏิบัติของคนในครอบครัว,
หลักปฏิบัติของพระสงฆ์องค์เจ้า เป็นต้น
งานประเพณีเทศกาลตามฮีตสิบสองนี้ เป็นงานบุญที่ถือปฏิบัติกันทั่วไปในภาค
อีสานแต่ละท้องถิ่นก็อาจมีรายละเอียดปลีกย่อยหรือพิธีกรรม เฉพาะถิ่นแตกต่างกันออกไป

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552




สุภาษิตสอนหญิง
***เกิดเป็นสตรีมีศรีศักดิ์***
ผู้ใดเกิดเป็นสตรีอันมีศักดิ์
บำรุงรักกายไว้ให้เป็นผล
สงวนงามตามระบอบให้ชอบกล
จึงจะพ้นภัยพาลนินทา
***เป็นสาวศรีเหมือนมณีมีค่านัก***
เป็นสาวแซ่แร่รวยสวยสะอาด
ก็หมายหมาดเหมือนมณีอันมีค่า
แม้แตกร้าวรานร่อยถอยราคา
ก็จะพาค่าหายจากกายนาง
***จะนุ่งห่มทาแป้งแต่งพอดี***
จะนุ่งห่มดูพอสมศักดิ์สงวน
ให้สมควรรับพักตร์ตามศักดิ์ศรี
จะผัดหน้าทาแป้งแต่งอินทรีย์
ดูฉวีผิวเนื้ออย่าเหลือเกิน
***เอาผมไว้ให้รับกับใบหน้า***
จะเก็บไรไว้ผมให้สมพักตร์
บำรุงศักดิ์ตามศรีมิให้เขิน
เป็นสุภาพราบเรียบแลเจริญ
คงมีผู้สรรเสริญอนงค์ทรง
***อย่าเดินกรายขยับเสื้อผ้าอย่าเสยผม***
อย่าเดืนกรายย้ายอกยกผ้าห่ม
อย่าเสยผมกลางทางหว่างวิถี
อย่าพูดเพ้อเจ้อไปไม่สู้ดี
เหย้าเรือนมีกลับมาจึ่งหารือ
***เวลาเดินให้ปกป้องของสงวน***
อย่าลืมตัวมัวเดินให้เพลินจิต
ระวังปิดปกป้องของสงวน
เป็นนารีที่อายหลายกระบวน
จงสงวนศักดิ์สง่าอย่าให้อาย
***รักในใจอย่าให้ออกมานอกหน้า***
อันที่จริงหญิงกับชายย่อมหมายรัก
มิใช่จักตัดทางที่สร้างสม
แม้นจักรักรักไว้ในอารมณ์
อย่ารักชมนอกหน้าเป็นราคี
ดั่งพฤกษาต้องวายุพัดโบก
เขยื้อนโยกก็แต่กิ่งไม่ทิ้งที่
จงยับยั้งชั่งใจเสียให้ดี
เหมือนจามรีรู้จักรักษากาย
***คนขี้เหล้าเมายาอย่าไปเลือก***
คิดถึงตัวหาผัวนี้หายาก
มันชั่วมากนะอนงค์อย่าหลงใหล
คนสูบฝิ่นกินสุราพาจัญไร
แม้นหญิงใดร่วมห้องจะต้องจน
มักเบียดเบียนมีทางประดาเสีย
เหมือนเลี้ยง***อัปรีย์ไม่มีผล
ไม่ทำมาหากินจนสิ้นตน
แล้วซุกซนตีชิงเที่ยววิ่งราว
***เป็นคนดีถึงจนทรัพย์ไม่อับหมอง***
ถ้าคนดีมิได้ซ้ำระยำยับ
ถึงขัดสนจนทรัพย์ไม่เศร้าหมอง
คงมีผู้ชูช่วยประคับประคอง
เปรียบเหมือนทองธรรมดาราคามี
***จงรักนวลสงวนงามห้ามใจไว้***
จงรักนวลสงวนงามห้ามใจไว้
อย่าหลงใหลจำคำที่พร่ำสอน
คิดถึงหน้าบิดาและมารดร
อย่ารืบร้อนเร็วนักมักไม่ดี
***ดูแลเรือนเหย้าและข้าวของ***
ระวังดูเรือนเหย้าและข้าวของ
จะบกพร่องอะไรที่ไหนนั่น
เห็นไม่มีแล้วอย่าอ้างว่าช่างมัน
จงผ่อนผันเก็บเล็มให้เต็มลง
***รูปไม่สวยแต่ใจงามก็ล้ำเลิศ***
เป็นผู้หญิงสิ่งใดจะล้ำเลิศ
จะประเสริฐก็แต่ใจไม่เสื่อมสลาย
ถึงรูปทรงนงคราญจะพานคลาย
ก็อาจกลายส่งสวยด้วยใจงาม